องค์กรใช้ AI ลดคาร์บอน รายได้พุ่ง 10% หากไม่เริ่มตอนนี้เสี่ยงล้าหลัง

องค์กรใช้ AI ลดคาร์บอน รายได้พุ่ง 10% หากไม่เริ่มตอนนี้เสี่ยงล้าหลัง

กลุ่มบริษัทบางจากเชิญผู้เชี่ยวชาญขึ้นเวที เผยข้อมูลสำคัญ องค์กรที่ไม่ยอมรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) เสี่ยงล้าหลัง ขณะที่ผู้ที่ยอมรับ AI สามารถได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล แต่ความท้าทายคือการรักษาสมดุลระหว่างการใช้ AI ที่รวดเร็วกับการปฏิบัติที่ยั่งยืน

กลุ่มบริษัทบางจาก จัดงาน Greenovative Forum ครั้งที่ 14 วันนี้ (29 พฤศจิกายน 2567) ภายใต้หัวข้อ ‘Crafting Tomorrow’s Future with Sustainable Energy and AI’ ที่จะเปิดเผยกลยุทธ์ในการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนและการพัฒนา AI ในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ในการประชุมนี้ มีวิทยากรจากหลากหลายวงการทั้งในและต่างประเทศมาเปิดมุมมองใหม่ในการอยู่ร่วมกับ AI

หนึ่งใน Keynote Speaker ของการประชุมคือ นายคาร์ลอส อักจิโอ (Carlos Aggio) ผู้บริหารระดับสูงด้านกลยุทธ์มูลค่า AI จาก Accenture (Singapore) ที่มาอัปเดตเทรนด์ AI ระดับโลกและแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน ในหัวข้อ “Tomorrow's Innovations Today”

“อักจิโอ” กล่าวว่า AI มักถูกเปรียบเทียบกับไฟฟ้า แต่สำหรับผม AI เหมือนน้ำมากกว่า เพราะน้ำมีพลังในการสร้างชีวิต เช่น ตลาดน้ำที่น้ำเชื่อมโยงชุมชน ทำให้การค้าขายและการดำรงชีวิตเป็นไปได้ แต่น้ำก็มีพลังในการทำลาย เช่น การก่อให้เกิดน้ำท่วม

AI คล้ายน้ำ มันมีพลังอย่างไม่เคยมีมาก่อนในการสร้างคุณค่าให้กับเศรษฐกิจและสังคม เปลี่ยนอุตสาหกรรมและระบบพลังงาน อย่างไรก็ตาม หากเราไม่ควบคุม AI อย่างถูกต้อง มันสามารถก่อให้เกิดปัญหาและการทำลายล้างได้”

AI พัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยเพิ่มความสามารถเป็น 2 เท่าทุกๆ หกเดือน อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้านี้มีค่าใช้จ่ายการใช้พลังงาน มีการคาดการณ์ว่า ภายในปี 2030 หากเราไม่ปรับปรุงการใช้พลังงานของ AI มันอาจจะเทียบเท่ากับการปล่อย CO2 ของอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งอาจปล่อย CO2 ได้ถึงประมาณ 700 ล้านตันต่อปี ดังนั้นเราจำเป็นต้องแก้ปัญหานี้

องค์กรใช้ AI ลดคาร์บอน รายได้พุ่ง 10% หากไม่เริ่มตอนนี้เสี่ยงล้าหลัง

AI คันโยก เร่งลดคาร์บอน

การที่จะตอบคำถามว่า เราจะได้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ได้อย่างไร ในขณะที่ยังคงรักษาความยั่งยืนอยู่? “อักจิโอ” บอกว่า ไอเดียหลักคือ AI สามารถเป็นคันโยกที่มีแรงมหาศาลสำหรับการลดคาร์บอน

แต่อัตราการยอมรับ AI สำหรับการลดคาร์บอนยังคงต่ำ การวิจัยพบว่าใน 2000 องค์กรที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีเพียง 14% ที่ใช้ AI สำหรับการลดคาร์บอน องค์กรเหล่านี้เราเรียกว่า "Reinventors" กำลังใช้ AI ไม่เพียงแต่สำหรับการลดคาร์บอน แต่เพื่อขยายขนาดในธุรกิจทั้งหมดของพวกเขา รายได้ของพวกเขาเพิ่มขึ้นประมาณ 10% สูงกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรม และการยอมรับ AI เร็วขึ้น 30%

"ผู้นำ" ในอุตสาหกรรมกำลังใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อสร้างธุรกิจใหม่ๆ และโอกาสในการลดคาร์บอน พวกเขากำลังเพิ่มความสมบูรณ์ขององค์กรในแง่ของการยอมรับ AI ขณะที่ "ผู้ที่ลังเล" ในการยอมรับ AI กำลังล้าหลัง หากไม่สร้างธุรกิจใหม่ด้วย AI ในตอนนี้ พวกเขาเสี่ยงที่จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

AI มีข้อได้เปรียบเฉพาะเมื่อใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการเปลี่ยนแปลง เพราะทำ 3 สิ่งที่เครื่องมืออื่นไม่สามารถทำได้ คือ 

  • เพิ่มความแม่นยำ : AI ช่วยเพิ่มความแม่นยำของกระบวนการและเครื่องมืออื่นๆ
  • เพิ่มประสิทธิภาพ : AI ช่วยให้การใช้เครื่องมืออื่นๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ขยายขนาด : AI ช่วยให้สามารถขยายขนาดได้ในวิธีที่เครื่องมืออื่นไม่สามารถทำได้

AI เพิ่มศักยภาพพลังงานสะอาด

เพื่อให้เห็นภาพ “อักจิโอ” ยกตัวอย่าง บริบทของฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลงสู่อนาคตที่ปลอดก๊าซคาร์บอนภายในปี 2050 แหล่งพลังงานเหล่านี้มีปัญหา 2 ประการหลักคือ ความแปรปรวน และความไม่ต่อเนื่อง

แต่ AI มีศักยภาพในการเพิ่มความแม่นยำในการพยากรณ์ถึง 90% ซึ่งมีความสำคัญมาก การปรับปรุงฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ด้วย AI ช่วยเพิ่มการจัดการ ลดเวลาเสียเปล่าได้ 12% และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน

อีกปัญหาหนึ่งคือ มุมของแผงโซลาร์เซลล์ที่ไม่ตรงกับทิศทางของดวงอาทิตย์ ทำให้ประสิทธิภาพการรับพลังงานแสงอาทิตย์ลดลง แต่เมื่อ AI แก้ไขแล้วสามารถปลดล็อกรายได้ธุรกิจอย่างมหาศาล

พลังงานแสงอาทิตย์และลมมักถูกรวมไว้ในกลุ่มเดียวกัน แต่มีความแตกต่างกันอย่างมาก พลังงานแสงอาทิตย์มีวัฏจักรที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน มีพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าและตกในตอนเย็น แต่ลมไม่มีการทำนายแบบนั้น ลมมีความแปรปรวนโดยธรรมชาติ 100% การที่จะประสบความสำเร็จในพลังงานลมคือการเพิ่มความแม่นยำในการพยากรณ์

มีการทำงานร่วมกับกังหันลม 7,300 ตัวใน 57 ฟาร์ม และพบว่าพวกเขามีปัญหาในการซิงโครไนซ์พลังงานลมกับกริด ทำให้ไม่สามารถเทรดพลังงานได้อย่างเหมาะสม

การปรับปรุงความแม่นยำในการพยากรณ์ถึง 36 ชั่วโมงทำให้สามารถปลดล็อกเงิน 510 ล้านดอลลาร์ในขั้นต้น และตัวเลขนั้นเพิ่มขึ้นเนื่องจากความสามารถในการเทรดพลังงานที่ดีขึ้น

นอกจากนั้น การใช้โดรนที่ติดตั้งวิชั่น AI เพื่อตรวจสอบกังหันลม เราสามารถคาดการณ์การชำรุดและตรวจจับสัญญาณเตือนล่วงหน้าได้ ซึ่งช่วยให้รักษาเวลาใช้งานและรับรองการจ่ายพลังงานอย่างต่อเนื่อง นี้ไม่เพียงแต่รักษารายได้แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอีกด้วย

AI เอเจ้นท์เพิ่มความน่าเชื่อถือ

“อักจิโอ” กล่าวถึง AI Agents ที่จะสำคัญมากๆ ในอนาคต ว่า ที่ Accenture ได้สร้างระบบนิเวศของเอไอเอเจ้นท์ เพื่อปรับปรุงกระบวนการจัดการสินทรัพย์ ตัวอย่างเช่น ในโรงกลั่นที่ทำงานอัตโนมัติ ตัวแรกคือ Optimizer Agent ทำหน้าที่ตรวจสอบคลาสสินทรัพย์ทั้งหมดเพื่อค้นหาโอกาสในการปรับปรุง

จากนั้นส่งข้อมูลนี้ให้เอเจ้นท์อื่นเพื่อตรวจสอบ โดยเอเจ้นท์ที่พัฒนาแผนกลยุทธ์จะนำข้อมูลทั้งหมดนี้และพัฒนาโปรไฟล์การบำรุงรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสินทรัพย์นั้น การใช้ AI เราสามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของสินทรัพย์ได้อย่างมาก

"เราไม่สามารถให้วิศวกรใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการตรวจสอบเอกสารกองใหญ่ เพื่อประมวลผลข้อมูลและหาโหมดความล้มเหลวได้ แต่ด้วยการนำความรู้ทางวิศวกรรมเข้าสู่ AI Agents เราสามารถเพิ่มขีดความสามารถของวิศวกรได้สูงสุด"

สิ่งที่ “อักจิโอ” พูดถึงไม่ใช่การแทนที่งาน แต่เป็นการขยายขีดความสามารถของเรา 100 เท่า แทนที่จะวิเคราะห์โหมดความล้มเหลวด้วยตนเอง หรือแบบกึ่งอัตโนมัติ AI สามารถช่วยสร้างกระบวนการวิศวกรรมความน่าเชื่อถือได้ โดยสร้างรายงานและกำหนดตารางการบำรุงรักษาอัตโนมัติ สิ่งนี้ช่วยลดความจำเป็นในการแทรกแซงของมนุษย์ในการตรวจสอบและสร้างรายงาน ซึ่งกำลังเกิดขึ้นในขณะนี้