อัปเดตเทรนด์บรรจุภัณฑ์ของโลก ปี 66 ผู้บริโภคต้องการแบรนด์ชูความยั่งยืน

'มินเทล' เปิดเทรนด์บรรจุภัณฑ์ของโลก ปี 2566 ระบุ ผู้บริโภคต้องการความโปร่งใส - ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าที่พวกเขาซื้อ เผยจุดอ่อนด้านความยั่งยืน แนะแบรนด์เริ่มต้นวางแผนใช้ฉลากที่ชัดเจนมากกว่าเดิม อธิบายว่าคำกล่าวอ้างด้านความยั่งยืนด้าน บรรจุภัณฑ์
จากการศึกษาปัจจัยด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และปัจจัยด้านกฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อการประเมิน การวางแผน และการตัดสินใจในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ระดับโลก พบว่า ผู้บริโภคต้องการความโปร่งใส และต้องการรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าที่พวกเขาซื้อ
ผู้บริโภคต้องการให้แบรนด์เปิดเผยจุดอ่อนด้านความยั่งยืน และบอกผู้บริโภคว่าแบรนด์กำลังทำสิ่งใดบ้างเพื่อปรับปรุงจุดอ่อนเหล่านั้น แบรนด์ควรเริ่มต้นด้วยการวางแผนใช้ฉลากที่ชัดเจนมากกว่าเดิม และอธิบายว่าคำกล่าวอ้างด้านความยั่งยืนต่างๆ นั้นสร้างประโยชน์ให้กับสังคมส่วนรวม ในอนาคต บรรจุภัณฑ์จะถูกใช้เพื่อนำเสนอถึงความถูกต้องของแบรนด์
อีกทั้งในช่วงหลังๆ นี้ ได้รวมถึงทุนทางด้านสังคม และสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ต้องสื่อสารถึงคุณค่าทางอาหารเพิ่มเติมอย่างชัดเจน และนำเสนอการกำหนดสัดส่วน และการเตรียมสินค้าที่มีประสิทธิภาพ
'เดวิด ลุทเทนเบอร์เกอร์' ผู้อำนวยการฝ่ายบรรจุภัณฑ์ระดับโลกของมินเทล เปิดเผยถึงการเปลี่ยนแปลงในตลาดบรรจุภัณฑ์เป็นทั้งความท้าทาย และโอกาสสำหรับแบรนด์ ว่าจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นกดดันให้ผู้บริโภคในทุกแวดวงธุรกิจต้องคำนึงถึงงบประมาณ และการใช้จ่ายมากกว่าเดิม แบรนด์สามารถใช้กลยุทธ์ต่างๆ ในการนำเสนอประโยชน์ และมูลค่าเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ผลสำรวจชี้ "Gen Z" อยากใช้เงินน้อยลงในยุคหลังโควิด-19
ส่งออก “บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก” โต1000% ผู้บริโภคจ่ายได้แลกเงื่อนไข “ยั่งยืน”
บรรจุภัณฑ์ยุคใหม่ รักษ์โลก เน้นความยั่งยืน
การนำเสนอบรรจุภัณฑ์ที่มอบคุณค่าทางการเงินให้กับลูกค้า โดยไม่ลดคุณค่าด้านคุณภาพ ความสะดวกสบาย ความสดใหม่ ความปลอดภัย และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม จะเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ในปี พ.ศ.2566 และปีต่อๆ ไป การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ดูสะอาด เน้นย้ำถึงวัตถุดิบธรรมชาติ และประโยชน์ต่อสุขภาพ จะดึงดูดสายตาผู้บริโภคได้มากกว่า ในอนาคต แบรนด์ที่ต้องการกลายเป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้าในห้องครัวจะต้องคำนึงถึงการใช้พลังงาน และนำเสนอบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยให้การปรุงอาหารประหยัดพลังงานมากขึ้น
ไม่ว่าการขายผลิตภัณฑ์จะเกิดขึ้นในรูปแบบใด บรรจุภัณฑ์มักจะเป็นสิ่งแรกที่ทำให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับแบรนด์โดยตรง เป็นสิ่งแรกที่พวกเขาเห็น และจับต้อง และการสร้างความประทับใจในครั้งแรกนั้นเป็นสิ่งสำคัญ
ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาจากผลกระทบของเหตุการณ์ต่างๆ รอบตัวพวกเขา และผลิตภัณฑ์จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อมันสามารถช่วยแก้ปัญหาหรือตอบสนองความต้องการได้ มีอิทธิพลภายนอกมากมายที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในผู้บริโภค ซึ่งส่งผลให้แบรนด์ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์เช่นกัน
ปัจจัยดังกล่าวเป็นหนึ่งในหลายเหตุผลที่ทำให้เราตัดสินใจใช้การวิเคราะห์ปัจจัยด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และกฎหมาย (PESTEL) ในรายงานเทรนด์บรรจุภัณฑ์ของโลกประจำปี พ.ศ.2566 จากมินเทล แม้ว่าค่าครองชีพกำลังพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก ผู้บริโภคในปี พ.ศ. 2566 จะไม่เลือกซื้อสินค้าเพียงเพราะเหตุผลด้านราคาเพียงอย่างเดียว พวกเขาจะให้คุณค่ากับอาหาร และเครื่องดื่มราคาถูกที่สามารถตอบโจทย์ด้านความชัดเจน คุณค่าทางโภชนาการ และการใช้งานที่หลากหลาย
เน้นสื่อสารชัดเจน ออกแบบบรรจุภัณฑ์ลดมลพิษ
ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ต้องสื่อสารถึงคุณค่าทางอาหารเพิ่มเติมอย่างชัดเจน และนำเสนอการกำหนดสัดส่วน และการเตรียมสินค้าที่มีประสิทธิภาพ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ดูสะอาด เน้นย้ำถึงวัตถุดิบธรรมชาติ และประโยชน์ต่อสุขภาพ จะดึงดูดสายตาผู้บริโภคได้มากกว่า ในอนาคต แบรนด์ที่ต้องการกลายเป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้าในห้องครัวจะต้องคำนึงถึงการใช้พลังงาน และนำเสนอบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยให้การปรุงอาหารประหยัดพลังงานมากขึ้น
วิกฤติสภาพอากาศเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ผลักดันให้ผู้บริโภคเรียกร้องความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมจากแบรนด์มากขึ้น ค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ผู้บริโภคต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับมูลค่าของผลิตภัณฑ์ที่ซื้อ ผู้บริโภคยังให้ความสำคัญกับชีวิตสุขภาพดี ซึ่งเห็นได้จากการที่พวกเขาต้องการรู้ว่าผลิตภัณฑ์ และวัตถุดิบต่าง ๆ จะช่วยให้พวกเขาทำตามเป้าหมายด้านสุขภาพได้อย่างไร
นอกเหนือจากความท้าทายด้านกฎระเบียบและซัพพลายเชน ปัจจัยเหล่านี้ยังเพิ่มโอกาสใหม่ๆ ให้ผู้ค้าปลีก เจ้าของแบรนด์ และผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์อีกด้วย ปัจจัยมหภาคที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์นั้นพบเห็นได้จากหมวดหมู่สินค้าผู้บริโภคทุกอย่าง
"สิ่งที่เพื่อนร่วมงานกล่าวไว้ในรายงานเทรนด์อาหาร และเครื่องดื่ม เทรนด์ความงาม และผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย และเทรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลบ้านของโลกประจำปี 2566 ปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละหมวดหมู่อาจมีความแตกต่างกัน แต่เราสามารถนำข้อมูล ข้อมูลเชิงลึก และคำแนะนำต่างๆ มาปรับใช้ได้กับสินค้าผู้บริโภคในทุกหมวดหมู่ ทุกรูปแบบ และในตลาดระดับภูมิภาคทุกแห่ง"เดวิด กล่าว
ผู้บริโภค และผู้ร่างกฎหมายทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากบรรจุภัณฑ์ และแบรนด์ต่างๆ ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเหตุการณ์นี้ ข้อบังคับใหม่ๆ เกี่ยวกับการใช้พลาสติก และวัตถุดิบที่ก่อให้เกิดมลพิษทำให้บริษัทต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายทั้งในปัจจุบัน และอนาคตเกี่ยวกับพลาสติก สารเคมีตลอดกาล (PFAS) และหลักการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต (EPR) ผู้บริโภคต่างก็สนับสนุนการออกกฎหมายเหล่านี้
เราอาจเห็นความเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่ทำให้ผู้ผลิตต้องรับแรงกดดันมากกว่าเดิมในการเสาะหาวัสดุทางเลือกที่ถูกต้องตามกฎระเบียบแต่อาจมีราคาที่สูงขึ้นเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน แบรนด์ต้องปรับกลยุทธ์เชิงรุก และลงทุนในนวัตกรรมใหม่ๆ ก่อนที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับ
แบรนด์หาทางเลือกในการเพิ่มประสิทธิภาพบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก
สำหรับอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ แบรนด์ควรหาทางเลือกในการเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น การขนส่งที่มีประสิทธิภาพ การลดน้ำหนัก การบริหารวัสดุ การยืดอายุการเก็บรักษาสินค้า รวมถึงหนทางการใช้งานสินค้าเมื่อหมดอายุการใช้งาน และการนำกลับมาใช้ใหม่
จากการสัมภาษณ์ ระบุว่า “แม้ว่าค่าครองชีพกำลังพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก ผู้บริโภคในปี พ.ศ.2566 จะไม่เลือกซื้อสินค้าเพียงเพราะเหตุผลด้านราคาเพียงอย่างเดียว” แบรนด์จะสามารถวางแผนด้านผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนเพื่อผู้บริโภค ค่าครองชีพมีผลกระทบโดยตรงต่อพฤติกรรมผู้บริโภค แต่ปัจจัยด้านคุณค่าไม่ใช่สิ่งเดียวที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ ผู้บริโภคในยุคหลังการระบาดใหญ่ยังให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมเช่นกัน
เดวิด กล่าวต่อว่า ผู้บริโภคในตลาดความงามยุคหลังการระบาดใหญ่กำลังมองหาการทดลอง ความรับผิดชอบต่อสังคม และคุณค่าจากแบรนด์ทั้งในร้านค้า และช่องทางออนไลน์ ผู้บริโภคในปัจจุบันมีความสนใจเกี่ยวกับประเด็นทางสังคมมากขึ้น รู้จักเทคโนโลยีที่ช่วยให้พวกเขามีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้มากขึ้น พวกเขายังเรียกร้องและมีส่วนร่วมในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอีกด้วย
ปัจจัยดังกล่าว และปัญหาทางเศรษฐกิจที่พบเจอทำให้ผู้บริโภคมีความพิถีพิถันมากขึ้นกับสิ่งที่พวกเขาซื้อ มีการเรียกร้องถึงการนำเสนอคุณค่าของผลิตภัณฑ์อย่างเปิดเผยทั้งในด้านประสิทธิภาพ ขนาด รูปแบบ และการทำงาน ปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อตั้งแต่ก่อนการระบาดใหญ่ทั้งทางตรง และทางอ้อม แต่ผู้บริโภคในปัจจุบันกำลังมองหาความเป็นอยู่ที่ดีในด้านร่างกาย อารมณ์ และจิตใจในระดับที่สูงกว่าเดิม
คุณสมบัติของสินค้าที่เคยเป็นเพียงความต้องการได้กลายเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคคาดหวังจากแบรนด์ในปัจจุบัน แต่ผู้ค้าปลีก แบรนด์ และผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ควรตระหนักไว้ว่าการทำตามความคาดหวังด้านสังคม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และการให้ความสำคัญกับคุณค่า อาจไม่ได้ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ แต่การไม่ทำตามความคาดหวังเหล่านี้จะส่งผลให้ผู้บริโภคเลือกที่จะไม่ซื้อผลิตภัณฑ์
ความท้าทายของตลาดบรรจุภัณฑ์
ความท้าทายอันยิ่งใหญ่บางประการสำหรับตลาดบรรจุภัณฑ์อาจเกิดจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ซึ่งโอกาสการเกิดวิกฤติดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหากเกิดวิกฤติขึ้นจริง ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะสร้างแรงกดดันต่อผู้บริโภค และธุรกิจมากกว่าเดิม ส่งผลให้กำลังซื้อลดลง และบังคับให้แบรนด์ต้องคิดหนักว่ากลยุทธ์บรรจุภัณฑ์จะช่วยให้พวกเขารักษาความสามารถในการแข่งขันได้อย่างไร ผู้บริโภคในยุคหลังการระบาดใหญ่กำลังมองหาการทดลอง
ความรับผิดชอบต่อสังคม และคุณค่าจากแบรนด์ทั้งในร้านค้า และช่องทางออนไลน์ ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ต้องนำเสนอคุณลักษณะด้านกายภาพ อารมณ์ การมองเห็น ดิจิทัล และคุณลักษณะด้านสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค บรรจุภัณฑ์ไม่ได้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในประสบการณ์ของผู้บริโภค แต่เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ผู้บริโภคความงามคำนึงถึง ไม่ว่าจะเป็นการใช้โครงสร้าง และวัสดุที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ระบบการใช้ประโยชน์จากสินค้า และบรรจุภัณฑ์ได้ 100%
ความท้ายอีกประการคือ ความไว้วางใจของผู้บริโภคที่กำลังลดลง ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อบริษัท รัฐบาล และสถาบันต่างๆ ได้ลดลงมากกว่าที่เคย และผู้บริโภคมักไม่เชื่อคำพูดของแบรนด์ที่บอกว่าพวกเขากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง
สถานการณ์นี้เป็นเหตุผลว่าทำไมความโปร่งใสของบรรจุภัณฑ์มีความสำคัญมากขึ้นต่อความสำเร็จ และความยั่งยืนของแบรนด์การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเป็นความท้าทายที่สำคัญต่อแบรนด์ เนื่องจากวิกฤติครั้งนี้ส่งผลต่อซัพพลายเชน ความคาดหวังของผู้บริโภค และการแก้ไขกฎระเบียบ การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเป็นปัญหาเร่งด่วน และปัญหานี้จะไม่คลี่คลายในเร็วๆ นี้ แบรนด์ต้องใช้แนวคิดเชิงรุก และนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายเหล่านี้อาจมาพร้อมโอกาสที่ดีของแบรนด์ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีส่งผลให้เกิดโอกาสอันน่าตื่นเต้นมากมาย เทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์สามารถสนับสนุน และสร้างประสบการณ์การซื้อ และใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความชาญฉลาดผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ครบถ้วน ตัวอย่างเช่น การส่งข้อมูลให้ผู้บริโภคผ่าน QR Code เป็นวิธีที่สะดวกสบาย และสามารถช่วยเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







