‘จีน’ ส่งสัญญาณเร่งเครื่องมาตรการพยุงอสังหาฯ หวัง ‘กู้ชีพ’ เศรษฐกิจ

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลจีนได้ให้คำมั่นที่จะเร่งออกมาตรการพยุงตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยถือเป็นความพยายามล่าสุดในการ "กู้ชีพ" ภาคอสังหาฯ ที่ซบเซาและเป็นปัญหายืดเยื้อมานานหลายปี ในการประชุมเศรษฐกิจสำคัญประจำปีของประเทศ

ตามถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 ธ.ค. หลังการประชุม Central Economic Work Conference รัฐบาลระบุว่า จะส่งเสริมและสนับสนุนการซื้อที่อยู่อาศัยที่มีอยู่เดิมจากภาคเอกชน เพื่อนำไปปรับใช้ในโครงการที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาเป็นหลัก

ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตที่ทวีความรุนแรงขึ้นในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน ซึ่งได้กัดกร่อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและกลายเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างชัดเจน โดยเมื่อเดือนต.ค. ที่ผ่านมา ราคาบ้านร่วงลงอย่างรุนแรงที่สุดในรอบปี ขณะที่วิกฤตการเงินที่ปะทุรุนแรงขึ้นของ China Vanke ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาฯ ชั้นนำในอุตสาหกรรม ก็ยิ่งทำให้เกิดคำถามว่าตลาดอาจกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตหนี้รอบใหม่หรือไม่

ก่อนหน้านี้ ราคาหุ้นและหุ้นกู้ของ Vanke ดิ่งลงอย่างหนักในเดือนที่แล้ว หลังจากที่บริษัทได้ขอเลื่อนการชำระหนี้บางส่วนออกไป ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้ทำให้หลายฝ่ายเกิดการเปรียบเทียบกับกรณีของ China Evergrande Group ที่เคยผิดนัดชำระหนี้เมื่อ 4 ปีก่อน และกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของภาคอสังหาฯ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น "เครื่องจักร" ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นปัญหาระยะยาว

บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า แม้ว่าทางการจะมีการเปิดตัวมาตรการกระตุ้นไปเมื่อปีก่อน แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งภาวะทรุดตัวของตลาดได้ ทำให้ผู้เล่นในตลาดหุ้นและหุ้นกู้เริ่มมีความคาดหวังว่ารัฐบาลปักกิ่งอาจจะเข้ามาให้การช่วยเหลือพยุงตลาดอีกครั้ง เห็นได้จากหุ้นอสังหาฯ จีนที่ปรับตัวขึ้นอย่างแรงในช่วงต้นสัปดาห์นี้จากกระแสการคาดการณ์เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นที่กำลังจะออกมา

ทั้งนี้ บลูมเบิร์กเคยรายงานเมื่อเดือนพ.ย. ว่า ทางการจีนกำลังพิจารณามาตรการหลายด้านเพื่อพยุงตลาด เช่น การให้เงินอุดหนุนสินเชื่อบ้านและการลดหย่อนภาษีเพื่อกระตุ้นความต้องการซื้อ (ดีมานด์) อย่างไรก็ตาม ธนาคารต่างชาติหลายแห่งยังคงมีมุมมองที่เป็นลบต่อทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนในระยะยาว

ท้ายที่สุด จอห์น แลม หัวหน้าฝ่ายวิจัยอสังหาริมทรัพย์จีนของ UBS เคยให้สัมภาษณ์ก่อนมีประกาศล่าสุดว่า "ราคาบ้านจะยังคงลดลงอีกอย่างน้อยสองปี" และได้ชี้ให้เห็นว่าราคาบ้านมือสองในเมืองใหญ่หลายแห่ง ได้ปรับลดลงไปแล้วมากกว่าหนึ่งในสามจากจุดสูงสุด

อ้างอิง: บลูมเบิร์ก