กลุ่ม ปตท. เปิดตัวโครงการ AXIS ประกาศแผน 5 ปี เดินหน้าองค์กรด้วยนวัตกรรม AI
กลุ่ม ปตท. เปิดตัวโครงการ AXIS ประกาศแผน 5 ปี เดินหน้าองค์กรด้วยนวัตกรรม AI มุ่งลดต้นทุนทางการผลิตสู้แข่งขันในตลาด พร้อมพัฒนาทักษะพนักงานกว่า 4,000 คน ปรับตัวเท่าทันเทคโนโลยี วางเป้าหมายสร้าง digital value creation หนึ่งหมื่นสองพันล้านบาทภายในปี 2572
ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมเสวนาภายในงาน PTT Group Digital & AI Day 2025 ในหัวข้อ Interview with CEO & Partner “Strategies for Driving Thai Businesses Toward Success in the Al Transformation Era” แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์และประสบการณ์ในการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จ โดยประกาศถึงความพร้อมของกลุ่ม ปตท. ที่จะก้าวรองรับการเปลี่ยนแปลงด้วยเทคโนโลยี นำเอาปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการต้นทุน เพิ่มขีดความสามารถ และพัฒนาบุคลากร เนื่องจากปัจจุบันอุตสาหกรรมพลังงานและก๊าซทั่วโลกเริ่มลงทุนด้าน AI อย่างจริงจัง ดังนั้นถึงเวลาที่กลุ่ม ปตท. ต้องปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลง
และที่ผ่านมาได้ริเริ่มนำร่องในหลายโครงการ อาทิ ใน บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.ที่ใช้หุ่นยนต์และเทคโนโลยีช่วยในการสำรวจแหล่งพลังงานและกระบวนการผลิต ซึ่งช่วยลดเวลาและต้นทุนได้อย่างมหาศาล ขณะที่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จํากัด (มหาชน) หรือ OR ก็นำระบบอัตโนมัติมาใช้ในกระบวนการผลิตจนเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 72%
ขณะเดียวกันกลุ่ม ปตท. ยังเปิดตัวโครงการ AXIS (AI Transformation & Synergy) ซึ่งเป็นโครงการที่จะมุ่งเน้นการขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็น “Top-Quartile Energy Company Utilizing Advanced Technology to Ensure Supply Security and Value Creation” ผ่าน 3 แกนหลัก ได้แก่
- Business การนำ AI เข้ามาสร้างมูลค่าเพิ่มในภาคธุรกิจ ผ่านการใช้งานจริง และระบบ Collaborative Governance ที่เชื่อมโยงการดำเนินงานทั่วทั้งองค์กร
- Technology วางรากฐานระบบดิจิทัล เช่น Cloud-smart, Al Digital Factory และเครือข่ายพันธมิตรเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว
- People พัฒนาและส่งเสริมทักษะพนักงานกว่า 4,000 คน ผ่านโครงการ AI Academy, Hackathon, Digital Strategy School และ Project Sandbox
โดย โครงการ AXIS ตั้งเป้าให้พนักงาน กลุ่ม ปตท. ทุกคนสามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ พร้อมยกระดับสู่ New Way of Working เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจในอนาคต ด้วยแผน 5 ปี 2025: Foundation & Quick-Win, 2026-2027: At Scale Deployment & Value Delivery, 2028-2029: Next Generation & Growth
ทั้งนี้ ปตท. ยังตั้งเป้าผลักดัน โครงการ AXIS ให้มีผลลัพธ์ที่ชัดเจนใน 5 ปี ด้วยการ Transform ด้าน Business, Technology และ People โดยมีเป้าหมายสร้าง Digital value creation 12,000 ล้านบาท ภายในปี 2572 ผ่านการพัฒนาในด้านต่างๆ อาทิ ยกระดับกระบวนการ เทคโนโลยี และการกำกับดูแลด้วย ERP อัจฉริยะ, พัฒนาแพลตฟอร์มเชื่อมโยงข้อมูลในกลุ่ม ปตท. เพื่อบริหารจัดการ Hydrocarbon Value Chain เพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการผลักดัน Recurring EBITDA 1 หมื่นล้านบาทภายในปี 2570 ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพในโรงงานอุตสาหกรรมด้วยดิจิทัลเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม "พัฒนารากฐานข้อมูลดิจิทัล (Enterprise Data Platform) เพื่อสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมของกลุ่ม ปตท. ครอบคลุม 75 แหล่งข้อมูลใน 19 โดเมน และพัฒนา Smart AI เพิ่มประสิทธิภาพ ลดงานซ้ำซ้อนด้วยระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ"
ด้าน นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า กรุงไทยได้เริ่มวางรากฐานด้านเทคโนโลยีมาตั้งแต่ปี 2561 โดยลงทุนใน Krungthai NEXT และพัฒนาแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" นอกจากนี้ ได้พัฒนาระบบเพื่อจัดเก็บ Data เพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและพัฒนาต่อยอดบริการต่างๆ ตอบโจทย์ลูกค้า นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยเหลือสังคม เช่น พัฒนาระบบรับวัคซีน และระบบโอนเงินให้ผู้ต้องขัง
ดังนั้นวันนี้ต้องพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจาก AI โดยสิ่งสำคัญ คือ บุคลากรต้องตื่นตัวและเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับ AI ให้ได้ เป็นความท้าทายที่กำลังจะเกิดขึ้น ดังนั้นวัฒนธรรมองค์กรสำคัญ ต้องตื่นรู้ เข้าใจ และตื่นเต้นสนุกไปกับการเปลี่ยนแปลง และเมื่อลงมือทำต้องวัดผลได้ วัฒนธรรมองค์กรคนเก่ง เก่งคนเดียวไม่ได้ ต้องเดินหน้าด้วยเป้าหมาย และทุกการทำต้องเดินไปด้วย Ai ต้องคุมต้นทุนและรายได้ให้ได้ด้วย
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ลูกค้าของ WHA เป็นกลุ่มธุรกิจ การจัดตั้งโรงงาน ดังนั้นจึงเป็นโจทย์ยากที่ต้องดึงกลุ่มนี้มาลงทุนให้ได้ ทำให้บริษัทฯ มองกลยุทธ์มักจะมองระยะยาว ต้องเริ่มจากการประเมินจุดแข็งจุดอ่อน และการปรับใช้ด้วยเทคโนโลยี เพราะธุรกิจนี้ไม่สามารถแข่งขันด้วยแรงงานหรือราคา ดังนั้นการจะดึงกลุ่มลูกค้าต้องปรับด้วยเทคโนโลยี และการรองรับเรื่องสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ที่ผ่านมาจึงจะเห็นการปรับตัวของ WHA ที่นำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการช่วยวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของธุรกิจ รวมไปถึงพัฒนาบริการตอบสนองกลุ่มลูกค้า อาทิ การใช้โดรนตรวจสอบพื้นที่เพื่อเตรียมพร้อมซ่อมแซมและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานอยู่เสมอ และใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อประเมินความเสี่ยงของลูกค้า จากการรวบรวมข้อมูลข่าวสารที่เกิดขึ้นแบบเรียลไทม์ตลอดจนพัฒนาแชทบอท Yoda สำหรับใช้ในองค์กร รวมถึงใช้ AI ช่วยในการร่างสัญญาทางกฎหมาย ช่วยลดระยะเวลาทำงานได้อย่างมาก
นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) PTTEP กล่าวว่า ปตท.สผ. ลงทุนมหาศาลกว่า 7 พันล้านดอลลาร์ต่อปี เพื่อการสำรวจและขุดเจาะแหล่งปิโตรเลียมใหม่ๆ ซึ่งในอดีตใช้เวลาและต้นทุนสูงมาก แต่ปัจจุบันได้นำ AI เข้ามาวิเคราะห์การวางแท่นและขุดเจาะ ทำให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายได้อย่างมหาศาล โดยมองว่าความท้าทายหลังจากนี้ คือการสร้าง วัฒนธรรมองค์กร ที่ส่งเสริมให้พนักงานมีความกล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงความคิดเห็น และต้องใช้เทคโนโลยีอย่างมีสติและรู้เท่าทัน
นายณะรงค์ศักดิ์ จิวากานันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) PTTGC เปิดเผยว่า ธุรกิจปิโตรเคมีได้นำดิจิทัลมาใช้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยเฉพาะในส่วนของการผลิตและซัพพลายเชน โรงงานมีการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากเพื่อใช้บริหารจัดการแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังได้ส่งวิศวกรไปเรียนรู้เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ของตนเอง ความท้าทายที่สำคัญ คือการสร้างความเข้าใจและความสมดุลในการลงทุน รวมถึงการเอาชนะความกลัว ของพนักงานที่อาจกลัวการเปลี่ยนแปลงหรือการถูกแย่งงาน โดยแนะนำให้เริ่มต้นจากจุดที่ความเสี่ยงต่ำเพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้และปรับตัว
นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) GPSC กล่าวว่า การนำ AI มาใช้ในธุรกิจมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยเฉพาะการนำ AI มาช่วยในการซ่อมบำรุงเครื่องจักรและวิเคราะห์ข้อมูล ทำให้สามารถวางแผนการซ่อมได้อย่างแม่นยำ ลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มความยั่งยืนขององค์กร สิ่งที่สำคัญหลังจากนี้ คือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับพนักงานว่า AI คือเครื่องมือที่มาช่วยเสริมการทำงาน ไม่ใช่มาสร้างความกลัวว่าจะตกงาน และเชื่อมั่นว่า AI จะสร้างอาชีพและโอกาสใหม่ๆ ตามมา