"BIS" เคาะราคาไอพีโอ 6.00 บาทต่อหุ้น เปิดจอง 25 - 28 เม.ย. นี้

"BIS" เคาะราคาไอพีโอ 6.00 บาทต่อหุ้น เปิดจอง 25 - 28 เม.ย. นี้

"BIS" เคาะราคาไอพีโอ 6.00 บาทต่อหุ้น ชูจุดเด่น หุ้นไบโอเทค ยา วัคซีนสัตว์ รายแรกในตลาดเปิดจอง 25 - 28 เมษายน นี้

บมจ. ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ (BIS) เคาะราคาไอพีโอ 6.00 บาท เสนอขาย 94 ล้านหุ้น ผู้บริหารมั่นใจพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง อยู่ในธุรกิจไบโอเทคที่มีแนวโน้มเติบโตสูง พร้อมแต่งตั้ง บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการ การจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่าย เปิดจอง 25 ถึง 28 เมษายน นี้ คาดจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ต้นเดือนพฤษภาคม

นายสัตวแพทย์ ธนวัฒน์ คงเจริญสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) หรือ "BIS" เปิดเผยว่า "ไบโอซายน์" เป็นบริษัทยาและเวชภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์ และสัตว์เลี้ยงของคนไทย รายแรกที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยบริษัท เป็น 1 ในผู้นำด้านธุรกิจผลิต และจำหน่าย ยา วัคซีน และเวชภัณฑ์สัตว์ของไทย ที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากบริษัทผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ระดับนานาชาติจำนวนมากอย่างต่อเนื่องกว่า 18 ปี และมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะเผชิญกับวิกฤติโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) และโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมปศุสัตว์โดยตรง ล่าสุด ในปี 2564 "BIS" มีกำไรสุทธิ 69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 54 ล้านบาท ในปี 2563 และมีรายได้รวม 1,987 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากรายได้รวม 1,784 ล้านบาท ในปี 2563

ทั้งนี้ BIS มีจุดเด่นที่หลากหลาย อาทิ การเป็นผู้นำเข้า และผู้จัดจำหน่ายวัคซีน ยา เวชภัณฑ์ โดยนำเข้าจากผู้จัดจำหน่ายชั้นนำระดับโลก เป็นเจ้าของแบรนด์เวชภัณฑ์สำหรับสัตว์หลากหลายแบรนด์ และมีโรงงานผลิตสินค้าเป็นของตนเองที่ได้มาตรฐานสากล อีกทั้ง บริษัทยังสร้างสรรค์นวัตกรรมที่สามารถแก้ปัญหาด้านสุขอนามัยของโลก เช่น การพัฒนาชุดตรวจโควิด-19 แบบ Real Time PCR (RT PCR) ซึ่งบริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางการค้าในการวิจัย และพัฒนาชุดตรวจดังกล่าว โดยเป็นบริษัทรายแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตจากองค์กรอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ บริษัทยังเป็นผู้พัฒนาและจัดจำหน่ายชุดตรวจโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ซึ่งทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ได้รับการตอบรับจากตลาดอย่างสูง มียอดขายเติบโตอย่างรวดเร็ว และต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทยังมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ

บริษัท ได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการ การจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท พร้อมผู้ร่วมจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายอีก 4 ราย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด โดยการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท ต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 94 ล้านหุ้นโดยกำหนดราคาเสนอขาย ที่ราคา 6.00 บาท/หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็น 29.94% ของทุนจดทะเบียนหลัง IPO คิดเป็นมูลค่าการระดมทุนประมาณ 564 ล้านบาท โดยบริษัท มีวัตถุประสงค์หลักจะนำเงินจากการเพิ่มทุนครั้งนี้ ส่วนหนึ่งนำไปเพื่อต่อยอดธุรกิจด้วยการขยายโรงงานการผลิตสินค้า และการลงทุนเพิ่มเติมในเครื่องจักร เพื่อเป็นเงินทุนสนับสนุนงานวิจัย และพัฒนาวัคซีนสำหรับปศุสัตว์ และเพื่อต่อยอดการผลิตวัคซีนในเชิงพาณิชย์ ส่วนที่เหลือจะใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วน รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน โดยบริษัท มีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองต่างๆ ตามกฎหมาย

นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายของ บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) ในการนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เปิดเผยว่า หุ้นไอพีโอ ของ BIS ที่ราคา 6.00 บาท เป็นการให้ส่วนลดนักลงทุนประมาณ 15% ถึง 30% จากราคาประเมินโดยนักวิเคราะห์ ซึ่งคาดว่าหุ้นไอพีโอ BIS จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างสูง เนื่องด้วย BIS มีโอกาสเติบโตสูง อยู่ในธุรกิจด้านไบโอเทคซึ่งเป็น 1 ในอุตสาหกรรม New S-Curve ของรัฐบาล

"อีกทั้ง BIS มีประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจ โดยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า รวมถึงพันธมิตรธุรกิจจำนวนมากทั้งบริษัทระดับนานาชาติ และบริษัทไทย ซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมด้านยา วัคซีน และเวชภัณฑ์สัตว์ เปรียบเสมือน จิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในอุตสาหกรรมอาหารของไทยที่มีความสำคัญและมีมูลค่าสูง จึงมีโอกาสที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องไปกับอุตสาหกรรมอาหารของไทยที่มีมูลค่าการส่งออกอาหารติดอันดับโลก เนื่องจากไทยเป็นหนึ่งในครัวของโลก โดยกระทรวงอุตสาหกรรมคาดว่ามูลค่าการส่งออกอาหารจะมีมูลค่า 1,200,000 ล้านบาท ในปี 2565 และ BIS ยังให้ความสำคัญแก่งานวิจัย และพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ร่วมกับสถาบันวิจัยชั้นนำของประเทศไทย และได้ร่วมคิดค้น และพัฒนาชุดเครื่องตรวจโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) และชุดตรวจโควิด-19 แบบ RT PCR ที่สามารถต่อยอดการใช้งานและการเติบโตต่อไปได้ในอนาคต นอกจากนี้ บริษัทมีการกำกับดูแลของคณะกรรมการบริษัท ซึ่งประกอบด้วยผู้บริหารองค์กรธุรกิจระดับสูง อดีตผู้บริหารระดับสูงของภาครัฐ และนักวิชาการด้านสาธารณสุขระดับนานาชาติ BIS จึงเป็นบริษัทที่มีการบริหารแบบมืออาชีพ มีความคล่องตัวสูง มีธรรมาภิบาลที่ดี"

นักลงทุนสามารถจองซื้อหุ้นไอพีโอ BIS ได้ระหว่างวันที่ 25 ถึง 28 เมษายน 2565 ผ่านกลุ่มบริษัทผู้จัดจำหน่าย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด โดยคาดว่าจะเริ่มเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในเดือนพฤษภาคม นี้