แชร์ลูกโซ่กับสินทรัพย์ดิจิทัล (2) | พิเศษ เสตเสถียร

แชร์ลูกโซ่กับสินทรัพย์ดิจิทัล (2) | พิเศษ เสตเสถียร

“แชร์ลูกโซ่” ดูเหมือนจะเป็นของคู่กับสังคมมาทุกยุคทุกสมัย เพียงแต่เปลี่ยนของที่จะบอกว่าจะไปลงทุน จากน้ำมันจนมาถึงเงินคริปโท

แชร์ลูกโซ่นั้นฝรั่งเรียกว่า Ponzi scheme ได้ชื่อมาจากนาย Charles Ponzi ซึ่งทำแชร์ลูกโซ่บนคูปองไปรษณีย์ในปี 2463 วงแชร์ลูกโซ่ของนาย Ponzi มูลค่ากว่า 15 ล้านดอลลาร์ นาย Ponzi ไม่ได้เป็นคนแรกที่ทำแชร์ลูกโซ่ ก่อนหน้านั้นที่ปรากฏเป็นหลักฐานก็มีคดีของนาง Adele Spitzeder ที่ทำแชร์ลูกโซ่ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี เมื่อปี 2541 

แล้วก็มีคดีของนาง Sarah Howe ชาวอเมริกันที่ทำแชร์ลูกโซ่ในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ เมื่อปี 2422 ส่วนนาย Ponzi ที่ได้รับเกียรติให้เป็นชื่อเรียกของแชร์ลูกโซ่นี้ เป็นชาวอิตาเลียนซึ่งอพยพมาอยู่สหรัฐ 

แชร์ลูกโซ่ของนาย Ponzi เริ่มมาจากการเห็นมูลค่าที่ต่างกันของคูปองไปรษณีย์ตอบรับระหว่างประเทศ ดังนั้น การไปซื้อคูปองดังกล่าวจากประเทศที่มีค่าเงินอ่อนกว่านำมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีค่าเงินแข็งกว่า ก็จะได้กำไรจากส่วนต่างของค่าเงิน 

การกระทำนี้มิได้ผิดกฎหมาย แต่นาย Ponzi คิดการใหญ่โดยการทำเป็นแชร์ลูกโซ่ ชวนคนให้มาลงทุนคูปองไปรษณีย์โดยเอาเงินของผู้มาลงทุนทีหลังจ่ายให้กับผู้ที่มาลงทุนก่อนตามสูตร นาย Ponzi ได้ตั้งบริษัทชื่อ Securities Exchange Company (คล้ายกับ SEC เลย) สัญญาว่าจะจ่ายค่าตอบแทน 50% ใน 45 วันและ 100% ใน 90 วัน 

ด้วยค่าตอบแทนดีขนาดนี้จึงมีผู้ไปลงทุนด้วยมากมาย เรื่องของนาย Ponzi ถูกหนังสือพิมพ์ เปิดโปงในเดือน ส.ค.2463 และเขาถูกจับกุมฟ้องศาลในเวลาต่อมาไม่นานนัก ผลสุดท้ายนาย Ponzi ถูกศาลพิพากษาให้จำคุก 14 ปี

เรื่องแชร์ลูกโซ่กลับมาดังอีกครั้งในปี 2534 เมื่อนาย Bernie Madoff นักการเงินและเคยเป็นประธานของตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ถูกจับข้อหาในข้อหาตั้งกองทุน Hedge Fund มาทำแชร์ลูกโซ่ โดยกองทุนนี้มีมูลค่าถึง 6 หมื่นล้านดอลลาร์ พอมาทำแชร์ลูกโซ่ก็เลยนับเป็นแชร์ลูกโซ่ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ 

แชร์ลูกโซ่นี้ให้ผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุน 10-20% ในขณะที่ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยของบริษัทใน S&P 500 อยู่ที่ 16% การที่แชร์ลูกโซ่ของนาย Madoff ให้ผลตอบแทนไม่สูงจนผิดสังเกต ก็อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้รอดพ้นจากการตรวจสอบของทางการ 

แชร์ลูกโซ่ของนาย Madoff เกิดมีปัญหาขึ้นมาเมื่อสหรัฐประสบกับปัญหาเกิดวิกฤติทางการเงินในปี 2551 เมื่อเขาไม่สามารถหาเงินจากผู้ลงทุนรายใหม่มาจ่ายให้แก่รายเก่าได้ ความก็เลยแตก นาย Madoff จึงถูกจับกุมและถูกศาลพิพากษาให้จำคุก 150 ปี ซึ่งเขาถูกจองจำและถึงแก่กรรมในเรือนจำเมื่อเดือน เม.ย.ปีที่แล้ว

มาถึงยุคที่เกิดคริปโทเคอร์เรนซี ขณะที่เงินตราจะเปลี่ยนเป็นเงินดิจิทัล เจ้ามือแชร์ลูกโซ่ก็ติดตามมาให้คนที่สนใจได้เล่นเช่นเดียวกัน ที่ลือลั่นมากที่สุดก็เห็นจะเป็น Onecoin เกิดขึ้นในปี 2557 ถึง 2562 เรียกได้ว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ที่นานที่สุดของโลกคริปโท ก่อตั้งโดยนาง Ruja Ignatova ชาวบัลแกเรีย 

แชร์ลูกโซ่ Onecoin อ้างว่าทำธุรกิจขุดเหรียญ (mining) โดยให้สมาชิกซื้อคู่มือการขุด และวางระบบแบบการขายตรง โดยสมาชิกเก่าจะได้ผลประโยชน์หากหาสมาชิกใหม่มาเพิ่มได้ วงเงินของแชร์ลูกโซ่มีมูลค่าถึง 4,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อทางการเข้าจัดการ Ruja Ignatova ก็หายตัวไปแล้ว 

นอกจาก Onecoin แล้วก็ยังมีแชร์ลูกโซ่เงินคริปโทอื่นๆ อีกเช่น Bitconnect, PlusToken, GainBitcoin ฯลฯ ทาง SEC ต้องออกประกาศเตือนถึงแชร์ลูกโซ่ที่แฝงมาในรูปของเงินคริปโท ไปดูได้ที่ www.sec.gov/files/ia_virtualcurrencies.pdf

ทาง ก.ล.ต.ของไทยก็ประกาศและคำเตือนออกมาเป็นระยะๆ เช่นกัน แต่ถึงกระนั้นก็มีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ “หลงเชื่อ” เข้าไปเล่นและสูญเงินกันในที่สุด.