ATK สินค้าสามัญใหม่ อย่าใช้แค่“กลไกตลาด”มาดูแล

ATK สินค้าสามัญใหม่  อย่าใช้แค่“กลไกตลาด”มาดูแล

นับตั้งแต่บัดนี้และต่อเนื่องไปในอนาคตอย่างน้อย 2-3 ปี ชีวิตNew Normal จะยังอยู่กับเรา ชีวิตเปลี่ยน ของใช้ในชีวิตประจำวันก็จะต้องเปลี่ยน 

นับตั้งแต่บัดนี้และต่อเนื่องไปในอนาคตอย่างน้อย 2-3 ปี ชีวิตNew Normal จะยังอยู่กับเรา ชีวิตเปลี่ยน ของใช้ในชีวิตประจำวันก็จะต้องเปลี่ยน สินค้าสามัญใหม่ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนขณะนี้คือ ชุดตรวจโควิดด้วยตัวเองที่บ้าน หรือ ATK ซึ่งน่าจะเป็นสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันของใครหลายคนไปแล้ว เพราะหลายวงประชุม สถานที่ทำงาน และอีกหลายกิจกรรม ต้องการความแน่ใจว่าผู้ร่วมกิจกรรมต้องไม่มีเชื้อโควิด[อย่างน้อยก็ในเบื้องต้น] ยังไม่รวมว่าATK คือเครื่องมือคัดกรองคนติดเชื้อออกจากผู้ไม่ติดเชื้อ รู้ก่อนแยกตัวก่อน ส่วนรวมก็ปลอดภัย 

ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ชี้ว่า “ชุดตรวจATK ที่วางขายในท้องตลาดขณะนี้ มีประมาณ 10 ยี่ห้อ ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ชุดละ 250-350 บาท ส่วนยี่ห้ออื่นๆ อยู่ระหว่างการพิจารณาราคาขาย”

เห็นราคาขายแล้วก็แทบเป็นลม เพราะ 1 ชุดใช้ได้ 1 ครั้ง หากต้องใช้มากกว่า 1 ครั้งในหนึ่งสัปดาห์ จะต้องมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ และต่อเดือนเป็นค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ภาระหนักอึ้งกำลังจะหล่นลงบนบ่าประชาชนอีกแล้ว 

หากสินค้านี้มีราคาแพงเป็นปกติก็คงพอทำใจได้ แต่เมื่อไปส่องเวบไซด์ขายสินค้าออนไลน์ชื่อดังของโลก อย่าง Amazon ก็จะต้องผงะกับราคาขายที่เฉลี่ยไม่เกิน100 บาท เช่นเดียวกับ Alibaba และeBay เกิดคำถาม หากทั่วโลกขายกันที่100 บาท แต่คนไทยซื้อที่ 300 บาทส่วนต่าง 200 บาทมาจากไหน???? 

ล่าสุด ในการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.)ที่มีจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานมีมติ ให้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 1 ชุด ประกอบด้วยปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นรองประธาน และมีกรรมการประกอบด้วย เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมบัญชีกลาง ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) และผู้บังคับการตำรวจ ปคบ เป็นกรรมการ รวม 11 ท่าน มีอำนาจหน้าที่ติดตาม วิเคราะห์ สถานการณ์ของ ATK และกำหนดแนวทางมาตรการกำกับดูแลการจำหน่าย ATK ให้เป็นธรรมอีกชั้นหนึ่ง

 ตามหลักกลไกตลาดของสินค้าทั่วไป คือ เมื่อดีมานด์สูง ซัพพลายน้อย ราคาจะสูง  แต่กรณี ATK ถ้านำเหตุผลนี้มาตอบว่าทำไมประเทศไทยต้องซื้อใช้ในราคาที่สูงกว่าทั่วโลกหลายเท่าตัว นั้นคงใช้ไม่ได้

เนื่องจากซัพพลายไม่ได้ขาดแคลน ทั่วโลกมีการผลิตและพร้อมส่งเข้ามาในไทยจำนวนมากจากหลายบริษัท หลายแหล่งผลิต ทั้งจีน ยุโรป หรือแม้แต่สหรัฐ   ที่มีความมั่นใจว่าซัพพลายพร้อมส่งก็เพราะสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช.มีแผนจะนำเข้าATK  8.5 ล้านชิ้นเพื่อแจกจ่ายประชาชน

  ดังนั้นปัญหาซัพพลายขาดคงตกไป ที่เหลือก็คือการตอบให้ได้ว่าทำไมราคาATKในประเทศไทยจึงแพงกว่าทั่วโลก  ก็หวังว่า

อนุกรรมการกกร.ชุดที่ตั้งใหม่นี้ จะหาคำตอบและดูแลสินค้าสามัญใหม่นี้ให้มีราคาที่เหมาะสม เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงได้โดยง่าย 

แม้การคุมราคาอาจทำให้สินค้าหายไปจากตลาด แต่ATK เป็นสินค้าที่เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤติการบริหารจัดการต้องใช้วิธีการที่แยบยลใช้เครื่องมือที่มีอยู่ทั้งกฎหมาย  เงินกู้ 5 แสนล้านที่มีอยู่ และจิตใจที่เป็นธรรม เห็นแก่ประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่แค่อ้าง“กลไกตลาด” เท่านั้น