สมมติฐาน SET Index กับการระบาดโควิดจากนี้
สวัสดีเดือน ส.ค. 2564 อยากเริ่มต้นด้วยการแสดงความห่วงใจต่อคนไทยทุกท่าน ในบรรยากาศที่วิกฤติ
มีจำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงจนน่าตกใจแต่ละวัน ลามไปถึงหมอ พยาบาลที่ติดเชื้อไปด้วย KTBST SEC ขอให้กำลังใจกับทุกคนนะครับ
ตลอด 14 วัน ของการใช้มาตรการควบคุม ซึ่งยังไม่ได้ผลนักและได้ขยายเวลาควบคุมออกไปอีก ตัวเลขผู้ติดเชื้อทะลุ 20,000 คนต่อวัน ทำให้เกิดความน่ากังวลว่าตัวเลขสูงสุดจะไปถึงระดับไหน เป็นปัจจัยที่กระทบความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจและการลงทุนยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่เจอการระบาดของสายพันธุ์เดลต้าอีกครั้ง
เดือน ส.ค. นี้ จึงมีประเด็นอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องโควิด -19 ว่าจะแย่ลงจากเดือนก่อนหรือไม่ ..? ประเด็นหลักๆที่ต้องติดตามประกอบการตัดสินในเดือนนี้ คือ 1.) ผลกระทบกับเศรษฐกิจไทย : จำนวนผู้ติดเชื้อในบ้านเราที่รุนแรงทำ New High อยู่เรื่อยๆ กระทบต่อเศรษฐกิจอย่างเห็นได้ชัดมากขึ้น มีการปรับ GDP ในปีนี้ลงอีกไปอยู่ที่ “ระดับติดลบ” และเวลานี้ ยังคาดการณ์ไม่ได้ว่าจะไปถึงจุดสูงสุดเมื่อใด ทำให้ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3 มีแนวโน้มจะกระทบมากขึ้น และผลต่อ SET Index ที่ปรับตัวลงลึกอีกอย่างแน่นอน
2.) เศรษฐกิจสหรัฐฯ : เวลานี้มีฟื้นตัวขึ้นชัดเจน แต่ยังไม่เต็มที่จากการระบุของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) การพิจารณาปรับลดการใช้ QE เป็นเรื่องที่ต้องติดตามในการประชุมครั้งต่อไปซึ่งจะมีผลต่อกระแสเงินลงทุน (Fund Flow) รวมถึง ตัวเลขเศรษฐกิจทั้ง ภาคการผลิต และบริการ ที่อาจส่งสัญญาณเพิ่มขึ้นแบบช้าลง และอาจจะมีผลถึงตัวเลขการจ้างงาน ในระยะถัดไป
3.) การระบาดรอบใหม่ในจีน : ประเด็นนี้น่าจับตามองอย่างมาก โควิดสายพันธุ์เดลต้า กำลังระบาดเข้าไปหลายของมณฑลของจีน หากรุนแรงถึงขั้นที่จีนใช้มาตรการล็อกดาวน์ จะมีผลต่อเศรษฐกิจจีนและประเทศอื่นๆในเรื่องการผลิตและส่งออก Supply ต่างๆ และเรื่องการเข้ามาควบคุมธุรกิจการเรียนออนไลน์และเกม ทำให้เริ่มเกิดความกังวลต่อหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องอย่าง Tencent ในเวลานี้
ดังนั้นการระบาดของโควิดรอบใหม่ คือเรื่องปัจจัยหลักที่มีเป็นตัวแปรต่อการการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่างๆ อย่างมากในเดือนนี้
ถามว่า “หุ้นไทยจะมีแนวโน้มอย่างไรท่ามกลางการระบาดของโควิด..?”
KTBST SEC ทำการประเมินผลกระทบเรื่องจำนวนผู้ติดเชื้อที่จะมีผลต่อดัชนี SET Index ไว้ดังนี้
อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยอื่นต้องติดตามประกอบไปด้วย เช่น มาตรการควบคุมที่รัฐบาลอาจประกาศใช้เพิ่มขึ้น รวมไปถึงปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ที่ทำให้เกิดแรงขายจากต่างชาติ และปัจจัยการเมืองในประเทศที่ไม่ติดตามไม่ได้นะครับ
การลงทุนในช่วงเดือน ส.ค. นักลงทุนอาจต้องรอจังหวะซื้อด้วยความระมัดระวังนะครับ หุ้นกลุ่มที่มองว่าน่าสนใจตอนนี้ คือ กลุ่ม ICT (ADVANCE , ITEL) ซึ่งได้ประโยชน์จากการ Work from home รวมถึง กลุ่มส่งออก (TU) และ กลุ่มขนส่ง WICE
ส่วนใครที่ต้องการกระจายลงทุนต่างประเทศ KTBST SEC ให้น้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ หุ้น Facebook , Amazon , Alphabet ถือเป็นกลุ่มมีกำไรเติบโตจากธุรกิจชัดเจนในภาวะเศรษฐกิจตอนนี้ เช่นเดียวกับ ตลาดหุ้นยุโรป มองว่ากลุ่มสุขภาพ , การแพทย์ , เทคโนโลยี , ยานยนต์และกลุ่มอุตสาหกรรม ที่ระดับราคายังไม่แพง เป็นการลงทุนที่น่าลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้
แถมทิ้งท้ายกันที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งต้องจัดการแข่งขันโอลิมปิกท่ามกลางการระบาด แต่อัตราการฉีดวัคซีนของคนญี่ปุ่น ปัจจุบันฉีดโดสที่ 1 ไปแล้วประมาณ 37.7% และ โดส 2 ที่ประมาณ 26.6% ทำให้ญี่ปุ่นอาจกลับมาเปิดเมืองและทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นปกติในช่วงปลายปีนี้ ส่งบวกต่อกลุ่มอุตสาหกรรมภาคการผลิต รวมถึงกลุ่มบริการและกลุ่มส่งออก
คงเป็นอีกเดือนนะครับ ที่นักลงทุนต้องรอดูสถานการณ์และหาจังหวะลงทุนกันดีๆ (Wait & See) พร้อมกับรอลุ้นด้วยว่าการระบาดแต่ละวันจะเบาบางลงเมื่อไร ธุรกิจต่างๆ จะมีกำลังกลับมาเปิดได้อีกครั้งหรือไม่ และแนวโน้มสินทรัพย์ต่างๆจะไปในทิศทางใดต่อ ติดตามในตอนหน้าครับ
ติดตามข่าวสารบทวิเคราะห์การลงทุนจาก KTBST SEC ได้ที่ เพจ Facebook/KTBST และทางเว็บไซด์ www.ktbst.co.th