จัดพอร์ตรับปี 2564

จัดพอร์ตรับปี 2564

ในปี 2563 ที่กำลังจะผ่านไป สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นสาเหตุหลักที่พอร์ตการลงทุนของนักลงทุนหลายท่านอาจพลาดเป้าไป

โดยเฉพาะนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำและมีการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้จำนวนมาก เนื่องจากอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้อยู่ในระดับต่ำ และตราสารหนี้ภาคเอกชนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากความกังวลว่าการระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจส่งผลให้บางบริษัทไม่สามารถชำระหนี้ได้ สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงสูง หากมีการลงทุนในกองทุนตราสารทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยจำนวนมาก ก็อาจมีผลตอบแทนเป็นลบตามการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทย แต่หากนักลงทุนเน้นลงทุนในกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ผลตอบแทนการลงทุนโดยรวมของท่านก็อาจสูงเกินเป้าหมายได้

สำหรับในปี 2564 นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจในปี 2564 จะปรับตัวดีขึ้น และคาดว่าจะวัคซีนต้านโควิด-19 จะมีใช้แพร่หลายมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ในส่วนของการลงทุน มีแนวโน้มที่กองทุนตราสารหนี้จะยังคงให้ผลตอบแทนต่ำต่อไป เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกยังคงมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำตลอดปี โดยราคาตราสารหนี้ภาคเอกชนอาจปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นหลังเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่การลงทุนในตราสารทุนคาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกท่ามกลางนโยบายเศรษฐกิจที่ผ่อนคลายมากเป็นพิเศษ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปจะส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ รวมถึงอาจมีการขายทำกำไรจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และย้ายเงินไปลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีแต่ราคายังไม่ได้ปรับขึ้นมามาก

ดังนั้น นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำมาก มีแนวโน้มที่การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้จะให้ผลตอบแทนต่ำ หากนักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ ท่านอาจต้องเพิ่มความเสี่ยงโดยเลือกลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะกลางถึงยาว หรือเลือกกองทุนที่มีการลงทุนบางส่วนในหุ้นกู้ภาคเอกชน

สำหรับการลงทุนในกองทุนตราสารทุน มีโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนได้ดีในปี 2564 ในเกือบทุกตลาด จากความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แนวโน้มสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีความรุนแรงน้อยลง การค้าในตลาดโลกส่งสัญญาณฟื้นตัวหลังดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของหลายประเทศบ่งชี้ถึงการขยายตัวจากแรงหนุนของคำสั่งซื้อเพื่อการส่งออก ฯลฯ ทั้งนี้ การลงทุนในกองทุนหุ้นหลายประเภทที่มีความน่าสนใจดังนี้

ตลาดหุ้นไทย: นับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน ถึงต้นเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นกว่า 200 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ขายสุทธิมาอย่างยาวนาน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า ข่าวความคืบหน้าของวัคซีนต้านโควิด-19 ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติมีความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ไทยยังน่าจะได้ประโยชน์จากแนวโน้มเงินทุนไหลเข้ากลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ด้วย

ตลาดหุ้นจีน: เศรษฐกิจจีนเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ในปีนี้ และยังคงมีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่อเนื่อง อีกทั้งรัฐบาลจีนกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง โดยเน้นเพิ่มการบริโภคภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาการส่งออก ทั้งนี้ รัฐบาลจีนอยู่ระหว่างการเปิดให้นักลงทุนต่างชาติสามารถลงทุนในตลาดหุ้นจีนได้มากขึ้น และมีแนวโน้มที่ตลาดหุ้นจีนจะเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับกระแสเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่

ตลาดหุ้นสหรัฐ: มีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนเป็นบวกต่อเนื่อง หลังจากดัชนีทำสถิติสูงสุดใหม่ในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเด็น อย่างไรก็ดี มีแนวโน้มที่การใช้เงินจำนวนมากเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจะส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น: โดยปกติแล้ว หากดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นมักจะปรับตัวลดลง เนื่องจากเงินที่ถูกบริษัทญี่ปุ่นที่ดำเนินกิจการอยู่นอกประเทศส่งกลับประเทศจะมีค่าน้อยลง อย่างไรก็ดี การส่งออกของญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องตามยอดส่งออกรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น หลังผู้บริโภคหลีกเลี่ยงการใช้รถโดยสารสาธารณะเพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อโควิด-19 น่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นโดยรวมปรับตัวดีขึ้นกว่าที่คาด

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี: ถึงแม้นักวิเคราะห์ประเมินว่าอาจมีการขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และย้ายเงินไปลงทุนในหุ้นกลุ่มอื่น แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีน่าจะมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง เนื่องจากเทคโนโลยี 5 จี เพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้น และจะมีการใช้เทคโนโลยีต่างๆพัฒนาตามมา เช่น รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ การผ่าตัดทางไกล เทคโนโลยีแบบ real-time ที่มีความหลากหลายมากขึ้น เป็นต้น

หุ้นกลุ่มการแพทย์และสุขภาพ: มีแนวโน้มที่จะได้ประโยชน์จากการจัดจำหน่ายวัคซีนต้านโควิด-19 และการพัฒนาทางการแพทย์อื่นๆ ทั้งนี้ นายวอร์เรน บัฟเฟ็ตต์ นักลงทุนระดับโลก เผยว่าเขาได้เพิ่มการลงทุนในหุ้นกลุ่มการแพทย์เรียบร้อยแล้ว

โดยสรุป การลงทุนในกองทุนตราสารทุน มีความน่าสนใจในเกือบทุกตลาด ในขณะที่กองทุนตราสารหนี้มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนต่ำ ส่วนการลงทุนในทองคำไม่ได้ถูกกล่าวถึงในที่นี้ เนื่องจากการลงทุนในทองคำคาดเดาได้ยาก ทั้งนี้นักลงทุนควรเลือกลงทุนให้เหมาะกับความเสี่ยงที่ท่านยอมรับได้ครับ