อย่าดูถูกคนไทย

อย่าดูถูกคนไทย

พลันที่มีการเปลี่ยนผ่านผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ จากชุดเดิมที่นำโดย ดร.อุตตม สาวนายน มาเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

 เสี่ยแฮ้งค์ อนุชา นาคาสัยเลขาธิการพรรคคนใหม่ก็โยนชื่อ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจคนใหม่ จน ไฟไหม้” พรรค เพราะคนในสังคมส่วนใหญ่ ไม่ตอบรับ” กับชื่อยี้ ที่จะพาเศรษฐกิจไทยที่กำลังวิกฤติ อย่างหนักหน่วงให้รอดพ้นไปได้

จนกระทั่งต้องปฏิเสธกันพัลวันว่าไม่ใช่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล แค่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรคเท่านั้น แต่การปฏิเสธแบบ "ขว้างงูไม่พ้นคอ" เพราะลืมคิดไปว่าพรรคพลังประชารัฐคือแกนนำรัฐบาล เมื่อหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรคเป็นใคร นั่นหมายความว่าย่อมต้องเข้ามามีบทบาทในทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

การที่คนในสังคมไม่ตอบรับ ชื่อ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ นั้น หาใช่ ความเก่ง-ไม่เก่ง เป็น ด็อกเตอร์ หรือศาสตราจารย์ หากเป็นเพราะ สังคมยังไม่เคยเห็นว่า นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เคยมีประสบการณ์อะไรในการบริหารองค์กร หรือบริหารราชการแผ่นดิน จะให้คนทั้งแผ่นดินไปฝากผีฝากไข้ กับอาจารย์สอนงานวิชาการ อย่างเดียวไม่ได้

การที่นฤมล ออกมาโต้กระแสสังคม อวดอ้างโปรไฟล์ ทำโน่นทำนี่ (ซึ่งต้องตรวจสอบด้วยว่าสิ่งที่พูดนั้นเป็น “ของจริง” ไหม) ไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความมั่นใจได้ว่า เธอจะนำพาเศรษฐกิจไทยที่กำลัง อยู่ปากเหว ให้รอดได้หรือไม่

ต้องยอมรับว่า คนที่จะเข้าคุมทีมเศรษฐกิจ ไม่ใช่พรรคจะหยิบชื่อใครมาพูดเล่นๆ เพราะชื่อที่หยิบมา จะต้องได้รับการตอบรับว่า “ใช่ ด้วยวิกฤติเศรษฐกิจทุกครั้ง และทุกประเทศที่จะแก้ไขไปได้ อย่างแรกคือต้องมี ความชื่อมั่น ดังนั้นหากไม่สามารถที่จะหาบุคคลที่สามารถทำให้ คนทั้งแผ่นดิน เชื่อมั่นได้ว่าจะทำให้ประเทศ รอดพ้นวิกฤติเศรษฐกิจได้ พรรคการเมืองนั้นกรุณา หุบปาก แล้วไปนั่งคิดมากกว่านี้ก่อนที่จะเสนอ ทั้งความคิดและตัวบุคคล

การนำเสนอนั้นควรผ่านการกลั่นกรองจาก สมอง” และการระดมความเห็นมาเสียก่อน มิใช่ สักแต่พูด นี่คือ บทเรียนแรกของคนเป็นเลขาธิการพรรคอย่าง อนุชา นาคาสัย ในการ สอบไม่ผ่าน

นอกจากสอบไม่ผ่านแล้ว ยังกลายเป็นการทำร้าย นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ให้กลายเป็น ตำบลกระสุนตก ตลอดสัปดาห์ แถมเจ้าตัวไม่รู้วิธี หลบกระสุน ตรงกันข้าม กลับออกมารับกระสุนเต็มๆ

บทเรียนนี้จึงสะท้อนไปผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐชุดใหม่ ว่า การจัดแบ่งโควตารัฐมนตรีที่กำลังเคลื่อนไหวต่อรอง กันว่า อย่าคิดเสนอใครก็ได้ โดยคำนึงถึงเพียงสัดส่วน ส.ส. ของแต่ละกลุ่ม

หากยังดันทุรังเสนอชื่อบุคคลที่สังคมไม่ยอมรับ ภาพลักษณ์เป็นพวก รักชาติน้ำลายไหล คิดแต่จะเข้ามาหาประโยชน์ เขมือบประเทศ สังคมจะไม่ให้โอกาสพรรคพลังประชารัฐอีกต่อไปแม้แต่ วินาทีเดียว!

และหากว่านายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยอมกับการต่อรอง เอาบุคคลที่สังคมไม่ยอมรับ จนกลายเป็น “รัฐบาลยี้ นั่นจะทำให้โอกาสและคะแนนนิยมที่ประชาชนมอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ หมดไปทันทีเช่นกัน

นายกรัฐมนตรีประกาศ พันธกิจ รวมไทยสร้างชาติ ก็อย่าให้มีแรงกดดันจนกลายเป็น รวมยี้ ทำลายชาติ ก็แล้วกัน!