จีนเตือนสหรัฐขายอาวุธให้ไต้หวันมีแต่จะทำร้ายตัวเอง

สหรัฐเห็นชอบขายอาวุธให้ไต้หวันครั้งใหญ่สุด 1.115 หมื่นล้านดอลลาร์ จีนตอบโตทันทีอ้างละเมิด “หลักการจีนเดียว”
เว็บไซต์ซีเอ็นบีซีรายงานตามที่สหรัฐเห็นชอบเมื่อวันพฤหัสบดี (15 ธ.ค.) ขายอาวุธมูลค่า 1.115 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นดีลใหญ่สุดให้กับไต้หวันขณะที่กำลังเผชิญภัยคุกคามจากจีนมากขึ้นเรื่อยๆ และไต้หวันเป็นประเด็นความตึงเครียดทางการทูตระหว่างรัฐบาลปักกิ่งและโตเกียว
นายกัว เจี้ยคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงตอบโต้สหรัฐทันที ระบุ
“การให้ความช่วยเหลือเอกราชของไต้หวันผ่านการขายอาวุธนั้น สหรัฐจะทำร้ายตัวเองในที่สุด ความพยายามใดๆ ที่จะใช้ไต้หวันเป็นเครื่องมือสกัดกั้นจีนย่อมล้มเหลว”
ด้านกระทรวงกลาโหมไต้หวัน กล่าวว่า การขายอาวุธครั้งนี้ซึ่งประกอบด้วยระบบปืนใหญ่ ขีปนาวุธต่อต้านรถถัง อะไหล่เฮลิคอปเตอร์ และขีปนาวุธต่อต้านเรือ อยู่ภายใต้งบประมาณกลาโหมเพิ่มเติม 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ที่ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อประกาศไว้ในเดือน พ.ย.
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีไล่ประกาศเมื่อเดือนก่อนว่าจะเสริมสร้างขีดความสามารถของไต้หวันในการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากปักกิ่งที่เพิ่มมากขึ้นทุกขณะ, มุ่งมั่นบรรลุระดับการพร้อมรบสูงสุดภายในปี 2027 ทั้งยังเตือนว่า จีนมีเป้าหมายยึดไต้หวันภายในปีดังกล่าว
ไล่ได้เตือนถึง “การเสริมกำลังทางทหารที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” โดยปักกิ่ง และ “การยั่วยุที่ทวีความรุนแรงขึ้นในช่องแคบไต้หวัน ในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ และทั่วทั้งภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก”
เรื่องงบประมาณเสริมของไต้หวัน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า “แผนการของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าที่ต่อต้านการรวมชาติ และพยายามใช้กำลังแสวงหาเอกราชนั้นต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน”
เมื่อวันพุธ (17 ธ.ค.) กระทรวงกลาโหมไต้หวันแถลงผ่าน X ว่า เรือบรรทุกเครื่องบินฝูเจี้ยนของจีนแล่นผ่านช่องแคบไต้หวัน กองทัพได้ “จับตาสถานการณ์และตอบโต้แล้ว”
ขณะนี้จีนกำลังกดดันไทเปมากขึ้นเรื่อยๆ ช่วงสองสามปีหลังซ้อมรบนอกชายฝั่งไต้หวันหลายครั้ง ทั้งยังออกคำเตือนถึง “การยั่วยุเพื่อเอกราช” ของไต้หวัน ด้วยมองว่าไต้หวันซึ่งปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยเป็นดินแดนของตนและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มองว่ าการรวมไต้หวันเข้ากับแผ่นดินใหญ่เป็น “สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ทางประวัติศาสตร์” แต่ไต้หวันปฏิเสธข้ออ้างเหล่านั้น
นายแมตต์ เกิร์ตเคน หัวหน้านักกลยุทธ์ภูมิรัฐศาสตร์ของบีซีเอ รีเสิร์ช กล่าวกับซีเอ็นบีซีในวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า ความเคลื่อนไหวของสหรัฐเป็นไปตามแนวทางของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการ “ฟื้นฟูการป้องปรามบางอย่างให้กับไต้หวัน” พร้อมๆ กับการเจรจาการค้ากับจีนอย่างต่อเนื่อง
“ดังนั้น เขากำลังบอกจีนว่า เรายินดีที่จะทำการค้า เราไม่ตัดเซมิคอนดักเตอร์ของคุณออกทั้งหมด แต่เราก็จะไม่ปล่อยให้คุณโจมตีไต้หวัน” เกิร์ตเคนกล่าว
แพ็กเกจอาวุธของสหรัฐซึ่งใหญ่สุดตามข้อมูลของรอยเตอร์ ประกอบด้วยระบบจรวดปืนใหญ่ HIMARS 82 เครื่องและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง มูลค่า 4.05 พันล้าน ได้แก่ ขีปนาวุธ ATACMS 420 ลูก พิสัยทำการไกลถึง 300 กิโลเมตร, ระบบสอดแนมไร้มนุษย์ และซอฟต์แวร์ทางทหาร
นอกจากนี้ยังมีระบบปืนใหญ่ฮาวิตเซอร์ขับเคลื่อนด้วยตนเอง M109A7 จำนวน 60 เครื่อง และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง มูลค่ากว่า 4 พันล้านดอลลาร์, ขีปนาวุธเจฟลิน และขีปนาวุธต่อต้านรถถัง TOW มูลค่ากว่า 700 ล้านดอลลาร์
“แพ็กเกจอาวุธชุดนี้ละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพดินแดนของจีนอย่างร้ายแรง บ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันอย่างที่สุดและส่งสัญญาณที่ผิดพลาดอย่างหนักไปยังกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ต้องการเอกราชของไต้หวัน” นายกัวกล่าว
สหรัฐนั้นไม่ได้มีสนธิสัญญาป้องกันร่วมกันกับไต้หวัน และไม่มีพันธกรณีให้ต้องปกป้อง
อย่างไรก็ตาม กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวันปี 1979 บัญญัติว่า สหรัฐ“จะจัดหายุทโธปกรณ์และการป้องกันให้แก่ไต้หวันตามที่จำเป็น” เพื่อ “ช่วยให้ไต้หวันสามารถรักษาขีดความสามารถในการป้องกันตนเองได้อย่างเพียงพอ”
ในเดือนพฤศจิกายน จีนได้แสดงถ้อยคำที่รุนแรงต่อนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ ของญี่ปุ่น หลังจากที่เธอกล่าวว่า การพยายามใช้กำลังยึดไต้หวันอาจกระตุ้นให้กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นเข้าแทรกแซง
ปักกิ่งซึ่งเรียกร้องให้ทาคาอิจิถอนคำพูดและขอโทษ ได้แนะนำพลเมืองของตนไม่ให้เดินทางไปญี่ปุ่น เนื่องจากยังคงมีข้อพิพาททางการทูตกับโตเกียวอยู่







