รัฐบาลระส่ำ & ฝ่ายค้านอ่อนแอ!
ถ้าบรรยากาศรัฐบาลผสมที่มีความขัดแย้ง แบบไม่ลงรอยอย่างรุนแรง อย่างที่เป็นอยู่ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ไม่ว่าจะเป็นเหตุที่เกิดจากพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคภูมิใจไทย มีหวังรัฐบาลจะต้องมีอันเป็นไป ด้วยจุดจบการยุบสภาหรือลาออก แต่เป็นเพราะพรรคร่วมรัฐบาลที่เคยใช้จุดอ่อนของเสียงปริ่มน้ำในรัฐบาลนี้ ขู่นายกรัฐมนตรีมาตลอด ก็ไม่พร้อมสำหรับการเลือกตั้งรอบใหม่
ดังนั้น เมื่อมีเสียงคำรามจากพลเอกประยุทธ์ และพรรคพลังประชารัฐว่า “ถ้าอยู่ด้วยกันไม่ได้ก็ต้องแยกย้ายกัน” พรรคจอมขู่ทั้งหลายต้อง “เข้าแถวเป็นระเบียบ” เพื่อประคับประคองให้รัฐบาลอยู่ต่อไป เพื่อให้พรรคของตนยังอยู่ใน “วงจรอำนาจ” ต่อไป
ประชาธิปัตย์ ต้องกลับไปจัดการปัญหาในพรรคที่ 4 ส.ส. ประกอบด้วย เทพไท เสนพงศ์ สาทิตย์ วงศ์หนองเตย พนิต วิกิตเศรษฐ์ และอันวาร์ สาและ โหวตสวนมติพรรค และมติวิปรัฐบาลต่อญัตติตั้งคณะกรรมธิการศึกษาผลกระทบจาก ม.44. ส่วนภูมิใจไทยที่เคยปากกล้า ขู่นั่นขู่นี่ เพื่อผลักดัน “งาน” ของตัวเองต้องสงบเสงี่ยม เจียมตัว กลับไปอยู่ในที่ตั้ง จนผู้มีบารมีในพรรคต้องไปทำพิธีถึงนครศรี
ธรรมราช
ข่าวการปรับ ครม.ที่ถูกปล่อยออกมาว่า จะเอาพรรคเศรษฐกิจใหม่ และบางส่วนของพรรคเพื่อไทย เสียบแทน นอกจากจะทำให้ทั้ง ประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย ต้องถนอมตัวเพื่อ “รักษาที่ตั้งของอำนาจ” แล้ว ข่าวปรับครม. ยังทำให้ความอ่อนแอของฝ่ายค้านที่มีปัญหาภายในอยู่แล้ว ยิ่งอ่อนแอลงไปอีก เพราะ ส่วนหนึ่งของฝ่ายฝ่ายค้านต้องการ “สวิงขั้ว” ไปอยู่รัฐบาล
ความไม่เป็นเอกภาพของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ที่เอกภาพภายในพรรคเพื่อไทยแย่งการนำของ 3 ขั้ว ทั้งขั้วคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์-สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ที่มี “เจ๊แดง” อยู่ข้างหลังและขั้ว ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ทำให้เพื่อไทยไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และยังมีรอยร้าวระหว่างเพื่อไทยกับอนาคตใหม่ การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฝ่ายค้านเพื่อทิ่มแทงหรือโค่นล้มรัฐบาล จึงไม่เป็นผล
สภาพการเมืองเป็นแบบนี้ จึงเอื้ออำนวยให้ลุงตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และ “พี่น้อง 3 ป.” ยังอยู่ในอำนาจได้อีกนาน