กรมประมง จับมือ จีน สร้างเครือข่ายพัฒนาอุตสาหกรรมประมง

กรมประมง ร่วม สมาคมการประมงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สร้างเครือข่ายการพัฒนาอุตสาหกรรมประมง และส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้า รุกกระชับความสัมพันธ์คู่ค้า ขยายโอกาสตลาดสัตว์น้ำไทยในต่างประเทศ
นางฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมประมง เปิดเผยภายหลังการเข้าพบของนายหลี่ เซิงลี่ รองนายกสมาคมการประมงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และคณะฯ ว่า ได้หารือถึงแนวทางการสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมประมง และการส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้า หนุนเปิดประตูสู่โอกาสในการขยายตลาดสินค้าประมงไทยในตลาดจีนให้เติบโตยิ่งขึ้น
ทั้งนี้สาธารณรัฐประชาชนจีนถือเป็นตลาดคู่ค้าที่สำคัญของประเทศไทย โดยมีปริมาณการส่งออกสินค้าประมงไปตลาดจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2567 มีปริมาณการส่งออกมากกว่า 204,787 ตัน คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 20,442 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้ากุ้งขาวและกุ้งกุลาดำ หอยมีชีวิต รวมถึงปลาปรุงแต่งและแปรรูปอีกมากกว่า 100 รายการ และยังมีสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่มีศักยภาพซึ่งกรมประมงพร้อมจะผลักดันให้มีการขยายตลาดเพิ่มเติมอีกหลายชนิด เช่น เนื้อจระเข้ ปลากะพงขาว และกุ้งก้ามกราม เป็นต้น โดยเป็นสนับสนุนการขยายความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพและความต้องการบริโภคสูง เพื่อขยายช่องทางการกระจายสินค้าเกษตรจากพี่น้องเกษตรกรไทยสู่ตลาดต่างประเทศ
สำหรับ นายหลี่ เซิงลี่ รองนายกสมาคมการประมงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ผู้แทนภาคเอกชนและคณะฯ ในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสครั้งสำคัญให้ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ยกระดับความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดเพื่อสร้างความร่วมมือภาคประมงให้มากยิ่งขึ้น ผ่านการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทั้งด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง การป้องกันและควบคุมโรคสัตว์น้ำ และสร้างความเชื่อมั่นในการผลิตสินค้าประมงของไทยตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงผลิตภัณฑ์ ให้คณะผู้แทนจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าสินค้าประมงของไทยมีความปลอดภัย และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงแนวทางการเพิ่มโอกาสทางการค้าระหว่างกัน โดยลดข้อจำกัดของการค้าผ่านการจัดทำพิธีสารของผลผลิตสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำจากการเพาะเลี้ยงระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน
“ กรมประมงพร้อมผลักดันความร่วมมือดังกล่าวให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างโอกาสการพัฒนาภาคประมง เพิ่มช่องทางการค้าสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยยกขีดความสามารถและศักยภาพในการแข่งขันของเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยง ชาวประมง และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมประมงไทย ให้สามารถก้าวสู่เวทีการค้าระดับโลกได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน”







