นายกฯ แพทองธารขึ้นศาล สีดาลุยไฟศตวรรษที่ 21

    ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 106 (4) และ (5) หรือไม่ เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงจากกรณีคลิปเสียงบทสนทนาระหว่าง นางสาวแพทองธาร และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา

    วันนี้ (22 ส.ค.) ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ 1860/2567 ระหว่างพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ กรณีนายทักษิณให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้เมื่อเดือน พ.ค. 2558 รายงานข่าวของเว็บไซต์ CNN  เมื่อวันพฤหัสบดี (21 ส.ค.) ระบุว่า รายชื่อผู้ถูกดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีทั้งทนายความ นักวิชาการสหรัฐ และอดีตผู้นำซึ่งก็คือนายทักษิณ โดย CNN รายงานว่า คดีนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนชะตากรรมหนึ่งในครอบครัวทรงอิทธิพลที่สุดของประเทศไทย

     กล่าวได้ว่าสองพ่อลูกตระกูลชินวัตร ผู้เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและนายกฯ คนปัจจุบันกำลังโดนคดีความเล่นงานอย่างหนัก ผลของคดีย่อมส่งผลต่อการเมืองไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะคดีของนายกฯ ผู้นำพารัฐนาวาไทยท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจการเมืองโลก ชนวนเหตุมาจากปัจจัยนอกการเมืองไทยด้วยซ้ำ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์โทรคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย หรือประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ไม่เคยมีปัญหา แต่นายกฯ แพทองธาร คุยโทรศัพท์กับสมเด็จฮุน เซน คู่สนทนากลับบันทึกเสียงแล้วนำคลิปมาปล่อยจุดประเด็นทางการเมืองไทยให้ร้อนระอุ 
    เมื่อเรื่องถึงโรงถึงศาลก็ต้องดำเนินกันไปตามกระบวนการ ก่อนหน้านี้เป็นที่จับตากันมากว่านายกฯ จะมาให้การที่ศาลด้วยตนเองหรือไม่ บ้างก็ว่าไม่มา สุดท้ายแล้วเธอก็มาด้วยตนเอง คนไทยที่ต้องเรียนรามเกียรติ์มาแต่เล็กแต่น้อยหลายคนคงคิดถึงฉาก “...โอ้ว่าพระรามยังแคลงใจ จบศึกกรุงลงกา พิสูจน์เจ้านางสีดา ให้บุกเดินลุยไฟ...” ถึงเวลาที่นายกฯ หญิงต้องพิสูจน์ตัวเอง กระบวนการในศาลผ่านไปด้วยดี หลังจากนี้คู่กรณีมีกำหนดยื่นปิดคดีในวันที่ 25 ส.ค.และศาลลงมติในวันที่ 29 ส.ค. เมื่อการเมืองชัดเจนประเทศไทยย่อมไปต่อได้ถูกทิศถูกทาง