'จตุพร' เผย นบข.13 ส.ค.นี้ รู้ผลช่วยข้าวนาปรังไร่ละ 1 พันบาท

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกในประเทศขณะนี้ตกต่ำว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธาน วันที่ 13 ส.ค.นี้ จะมีการพิจารณามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเปลือกนาปรังปีการผลิต 68 และข้าวเปลือกนาปีปีการผลิต 68/69 โดยในส่วนข้าวนาปรังนั้น คาดว่า จะเคาะมาตรการช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ได้แน่นอน หลังจากล่าช้ามานานแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ที่จะดำเนินการได้คือ เร่งรัดให้กรมการค้าต่างประเทศ เร่งหารือกับจีน เพื่อให้ซื้อข้าวจากไทยตามสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ในส่วนที่เหลือยังไม่ซื้อขายกันอีก 280,000 ตัน จากสัญญาทั้งหมด 1 ตัน ร่วมทั้งกับบังกลาเทศ ซาอุดิอาระเบีย ฯลฯ เพื่อหาตลาดรองรับผลผลิตข้าวไทยในขณะนี้ หากระบายออกได้ จะช่วยดึงราคาในประเทศให้สูงขึ้นได้

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ดูแลในเรื่องของต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกร เพราะถือเป็นอีกปัจจัยหลักที่ทำให้เกษตรกรขายข้าวได้ราคาน้อยลง ซึ่งล่าสุด กรมการค้าภายใน ได้จัดทำโครางการสินค้าธงเขียว ขายปัจจัยการผลิตในราคาถูกกว่าท้องตลาด เช่น ปุ๋ยเคมี-ยาฆ่าแมลง ซึ่งได้ขอความร่วมมือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้ว หากลดภาระในส่วนนี้ได้ จะทำให้เกษตรกรมีกำไรมากขึ้น และจะต้องพิจารณาในเรื่องของพันธุ์ข้าว ที่ต้องตอบสนองกับความต้องการตลาดด้วย

"ตอนนี้ เวลาลงพื้นที่ มีแต่ชาวนาร้องเรียนเรื่องราคาข้าวเปลือกตกต่ำ ตอนนี้เฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 5,000-6,000 ซึ่งจากการติดตามกระบวนการรับซื้อของโรงสี พบว่า ต้องตรวจสอบค่าความชื้นของข้าว ถ้าเป็นข้าวเกี่ยวสดแล้วขายเลย ความชื้นสูง ราคาไม่สูง การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าตอนนี้ คือ ช่วยทำให้ราคาข้าวของเกษตรกรปรับสูงขึ้นให้พออยู่ได้ก่อน และหาตลาดคู่ค้าใหม่ รวมถึงรักษาตลาดเดิมเอาไว้ ส่วนเป้าหมายการส่งออกทั้งปีนี้ ยังคงยืนอยู่ที่ 7.5 ล้านตัน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเปลือกนาปรังปี 68 ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ จ่ายสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาทนั้น นบข.มีมติช่วยเหลือมาตั้งแต่เดือนก.พ.68 แต่รอให้กระทรวงเกษตรฯขึ้นทะเบียนเกษตรกรให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 เม.ย.68 ก่อนเพื่อจะได้รู้ว่า มีจำนวนเกษตรกรนาปรังที่ต้องช่วยเหลือเท่าไร และจะได้จัดสรรงบประมาณช่วยเหลือได้

แต่หลังลงทะเบียนเสร็จสิ้น พบว่า มีเกษตรกรขึ้นทะเบียนมากถึง 850,000 ครัวเรือน จากปีก่อนประมาณ 350,000 ราย คาดใช้เงินประมาณ 7,200 ล้านบาท โดยกระทรวงเกษตรฯจะเป็นผู้เสนอให้ นบข.พิจารณาอนุมัติ แต่ผ่านการประชุม นบข.มาแล้ว 3 ครั้ง ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป