ปี 68 กำไรธุรกิจแอร์ไลน์ยังแกร่ง ผู้บริโภคมองการบินสำคัญต่อเศรษฐกิจ

สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) เผยแพร่บทความเมื่อ มิ.ย. 2568 ที่ผ่านมา ได้ประกาศปรับปรุงแนวโน้มทางการเงินของอุตสาหกรรมการบินในปี 2568
ว่าผลกำไรดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2567 และความสามารถที่ยืดหยุ่นในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการเมืองระดับโลก
“ครึ่งปีแรกของปี 2568 แม้จะมีความไม่แน่นอนอย่างมากแต่กำไรสุทธิแล้ว ปี2568ยังคงเป็นปีที่ดีกว่าปี 2567 สำหรับธุรกิจสายการบิน แม้ว่าจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อยก็ตาม"
สำหรับ ปัจจัยบวกที่สำคัญที่สุดคือราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบิน ซึ่งลดลง 13% เมื่อเทียบกับปี 2567 และต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ 1% ยิ่งไปกว่านั้น จากคาดการณ์ว่าสายการบินต่างๆ จะมีผู้โดยสารและสินค้ามากขึ้นในปี 2568 เมื่อเทียบกับปี 2567 แม้ว่าการคาดการณ์ความต้องการก่อนหน้านี้จะได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงก็ตาม
วิลลี่ วอลช์ ผู้อำนวยการใหญ่ของ IATA กล่าวว่า อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 3.4% ในปี 2567 เป็น 3.7% ในปี 2568 ซึ่งยังคงคิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของกำไรเฉลี่ยของทุกอุตสาหกรรม แต่เมื่อพิจารณาถึงอุปสรรคต่างๆ แล้ว นี่เป็นผลลัพธ์ที่แข็งแกร่งซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นที่สายการบินต่างๆ ได้พยายามอย่างหนัก
สำหรับการกำไร 36 พันล้านดอลลาร์นั้นถือว่ามีนัยสำคัญ หรือเท่ากับเพียง 7.20 ดอลลาร์ต่อผู้โดยสารต่อเซกเมนต์เท่านั้น เนื่องมาจาก ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทั้งจาก ภาษีใหม่ใดๆ การเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมสนามบินหรือค่าธรรมเนียมการนำทาง ภาวะอุปสงค์ที่ผันผวน หรือกฎระเบียบที่มีค่าใช้จ่ายสูง ล้วนเป็นบททดสอบต่ออุตสาหกรรมการบินที่มีพนักงาน 86.5 ล้านคน และสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก 3.9%
ทั้งนี้ ปัจจัยขับเคลื่อนโดยรวมได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักสำหรับเศรษฐกิจสายการบิน แม้ว่าคาดการณ์ว่าการเติบโตของ GDP ทั่วโลกจะลดลงจาก 3.3% ในปี 2567 เหลือ 2.5% ในปี 2568 แต่คาดว่าผลกำไรของสายการบินจะปรับตัวดีขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ลดลง ในขณะเดียวกัน การจ้างงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องและการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง คาดว่าจะทำให้ความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่เร็วเท่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ก็ตาม
อีกหนึ่งปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญต่อแนวโน้มการเติบโตคือ อัตราบรรทุกผู้โดยสารจะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2568 โดยมีค่าเฉลี่ยตลอดทั้งปีอยู่ที่ 84.0% เนื่องจากการขยายและปรับปรุงฝูงบิน โดยรวมแล้ว คาดว่ารายได้รวมจะเติบโตขึ้น 1.3% แซงหน้าค่าใช้จ่ายรวมที่เพิ่มขึ้น 1.0% เสริมสร้างผลกำไรของอุตสาหกรรม
IATA ยังได้ทำการสำรวจมุมมองจากผู้บริโภค เมื่อ เม.ย. ที่ผ่านมา ครอบคลุม 15 ประเทศ โดยมีผู้ตอบแบบสอบถาม 6,500 คนที่เคยเดินทางอย่างน้อยหนึ่งครั้งในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา พบว่า 97% ของนักเดินทางแสดงความพึงพอใจต่อการเดินทาง (58% ระบุว่าพึงพอใจมาก)
นอกจากนี้ 89% เห็นด้วยว่าการเดินทางทางอากาศทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น 81% พึงพอใจกับตัวเลือกในการวางแผนการเดินทาง และ 78% เห็นด้วยว่าการเดินทางทางอากาศคุ้มค่า และ ผู้โดยสารต่างคาดหวังอุตสาหกรรมการบินที่ปลอดภัย ยั่งยืน มีประสิทธิภาพ และทำกำไร
ส่วนผลสำรวจนักเดินทางมองว่าอุตสาหกรรมการบินมีบทบาทสำคัญ ในด้านต่างๆ โดย 90% เห็นด้วยว่าการเดินทางทางอากาศเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตสมัยใหม่ 90% เห็นด้วยว่าการเชื่อมต่อทางอากาศมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจ 89% กล่าวว่าการเดินทางทางอากาศส่งผลดีต่อสังคม
82% กล่าวว่าเครือข่ายการขนส่งทางอากาศทั่วโลกเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ
84% ให้ความสำคัญกับความสำเร็จของอุตสาหกรรมการบิน 88% ให้ความสำคัญกับความสามารถในการเดินทางโดยเครื่องบินในอนาคต
ด้านบทบาท อุตสาหกรรมการขนส่งทางอากาศมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 นั้น นักเดินทางแสดงความเชื่อมั่นในความพยายามนี้ในระดับสูง โดย 81% เห็นด้วยว่าอุตสาหกรรมนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายอันทะเยอทะยานนี้ และ อีกราว 77% เห็นด้วยว่าผู้นำด้านการบินให้ความสำคัญกับความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง ซึ่งสูงกว่าที่ผู้นำภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมน้ำมันทำได้เพียง 64% และ 60% ตามลำดับ







