จะรับมือ ‘ภาษีทรัมป์’ ได้การเมืองไทยต้องแกร่ง

ยังไม่จบสำหรับจดหมายแจ้งอัตราภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากประกาศชุดแรกเมื่อวันจันทร์ (7 ก.ค.) ซึ่งไทยอยู่ในชุดนี้ด้วย ล่วงเข้าเช้าวันพุธ (9 ก.ค.) ตามเวลาสหรัฐก็ประกาศออกมาอีกระลอก
แถมบอกว่า ช่วงบ่ายๆ วันพุธจะประกาศเพิ่มอีก ประเทศไหนยังไม่ได้รับจดหมายต้องรอลุ้นกันต่อไปด้วยใจระทึกว่าเราจะโดนในอัตราเท่าใด
จดหมายรอบแรกคู่ค้าใหญ่อย่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นตกเป็นเป้า นักวิเคราะห์มองว่า เป็นโอกาสดีของทั้งสองประเทศที่ได้ขยายเวลาการเจรจาออกไป เพราะทรัมป์ยังตกลงกับสองประเทศนี้ไม่สำเร็จ ญี่ปุ่นนั้นแข็งขันมากในการปกป้องผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่น และไม่ยอมซื้อข้าวจากสหรัฐ เพราะชาวนาเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล และญี่ปุ่นกำลังจะมีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในวันที่ 20 ก.ค. การอ่อนข้อให้สหรัฐมากเกินไปอาจทำให้พรรคแอลดีพีแพ้เลือกตั้งได้
หันไปดูเกาหลีใต้ การเมืองวุ่นวายมากก่อนหน้านี้ ชนวนเหตุมาจากอดีตประธานาธิบดียุน ซ็อกยอลประกาศกฎอัยการศึกช่วงสั้นๆ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. แต่ความปั่นป่วนนั้นยาวนาน เพิ่งเข้าที่เข้าทางหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อต้นเดือน มิ.ย. เท่ากับว่าประธานาธิบดีอี แจมย็องรับตำแหน่งได้ไม่ถึงเดือนก็เจอศึกหนัก แน่นอนว่าอย่างไรเสียในการเจรจาการค้ากับสหรัฐเกาหลีใต้ย่อมไม่ยอมเสียเปรียบญี่ปุ่น แม้สองประเทศนี้จะเป็นพันธมิตรเหนียวแน่นกับรัฐบาลวอชิงตัน แต่ผลประโยชน์แห่งชาติเป็นเรื่องต่อรองไม่ได้
หันมาดูประเทศอาเซียนที่สัปดาห์นี้มีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศและคู่เจรจา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย ทุกประเทศยืนยันเดินหน้าเจรจากับสหรัฐต่อไปเพื่อให้ได้ข้อตกลงดีที่สุด ไทยเราเจอภาษี 36% ไม่ลดไม่เพิ่มจากที่ทรัมป์เคยประกาศไว้เมื่อวันที่ 2 เม.ย. น่าเจ็บใจตรงที่ได้เท่ากับกัมพูชา ที่ก่อนหน้านี้เจอภาษีสูงถึง 49% เรียกว่าลดให้เยอะมาก! ส่วนเวียดนามเรียบร้อยไปแล้ว ยอมเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐ ภาษี 0% ทางสะดวก ขณะที่ตนเองถูกสหรัฐเก็บภาษี 20%
พิจารณาเฉพาะสามประเทศนี้ เวียดนามปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์พรรคเดียวจัดการได้ทุกอย่าง ไม่มีใครคัดค้าน อยากให้สหรัฐมากแค่ไหนก็ให้ไป กัมพูชาฮุนเซนครองอำนาจเบ็ดเสร็จ แม้เป็นประธานวุฒิสภาแต่ลูกชาย ฮุน มาเนต เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนไทยนั้นเล่าวันก่อนได้ยินผู้รู้บอกว่า การเมืองไทยจะวุ่นวายไปอีกสามเดือน หลังจากนั้นก็ไม่รู้ลูกผีลูกคน
ฟังแล้วไม่เห็นอนาคต เมื่อการเมืองไร้เสถียรภาพประเทศไทยย่อมไร้อำนาจต่อรอง ด้วยสภาพเช่นนี้คิดหรือว่ามหาอำนาจอย่างสหรัฐย่อมคาดเดาได้ เพราะฉะนั้น ณ เวลานี้เครื่องมือแข็งแกร่งที่สุดที่จะใช้เจรจาภาษีกับสหรัฐได้คือการเมืองที่เข้มแข็ง ใครอยากเล่นเกมทำให้คู่แข่งทางการเมืองพ้นอำนาจต้องอดทนก่อน หากหวังดีต่อบ้านเมืองจริงต้องทำให้การเมืองไทยอยู่ในร่องในรอย ดำเนินไปตามระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา เสร็จศึกภาษีทรัมป์เมื่อไหร่ค่อยทะเลาะกันใหม่ ใจเย็นๆ อีกสองปีรัฐบาลพลเรือนจากการเลือกตั้งก็หมดวาระ อดทนกันหน่อย คิดเสียว่าทำเพื่อชาติ







