'เศรษฐา' หวังทีมไทยแลนด์ เจรจาสหรัฐเคาะภาษีได้ 20% เท่าเวียดนาม

เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี แสดงความหวังว่าทีมเจรจาของไทยจะสามารถต่อรองให้สหรัฐฯ ลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าไทยลงเหลือ 20% ให้เท่ากับเวียดนาม
KEY
POINTS
- นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี แสดงความหวังว่าทีมเจรจาของไทยจะสามารถต่อรองให้สหรัฐฯ ลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าไทยลงเหลือ 20% ให้เท่ากับเวียดนาม
- ปัจจุบันสหรัฐฯ ได้ประกาศใช้อัตราภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับไทยที่ 36% ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนาม (20%) และมาเลเซีย (25%) โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม 2568
- ทีมเจรจาของไทยได้ยื่นข้อเสนอเพื่อปรับลดอัตราภาษี โดยชูประเด็นการเร่งลดการได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ และการแก้ไขปัญหามาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTB)
- เป้าหมายหลักของการเจรจาคือการรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพื่อไม่ให้นักลงทุนต่างชาติย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีอัตราภาษีต่ำกว่า
สถานการณ์การส่งออกของไทย กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ เมื่อสหรัฐประกาศคงอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยอัตราสูงถึง 36% ภายใต้มาตรการ “Reciprocal Tariff” ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนามที่ปิดดีลได้ที่ 20% ในขณะที่หลายชาติในอาเซียนที่อยู่ระหว่างการเจรจาและถูกประกาศอัตราภาษีตอบโต้ต่ำกว่าไทย เช่น มาเลเซีย 25% โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2568
รัฐบาลไทยได้ยื่นข้อเสนอรอบที่ 2 ให้กับสหรัฐเมื่อวันที่ 6 ก.ค.2568 โดยมีข้อเสนอไทยขยับเป้าหมายสมดุลการค้าสหรัฐเร็วขึ้นจาก 10 ปี เหลือ 7-8 ปี โดยกำหนดให้ปี 2573 ไทยลดได้ดุลการค้าสหรัฐลง 70% และปี 2574-2575 ไทยและสหรัฐมีสมดุลการค้ากัน
นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มีเวลาเจรจากับสหรัฐถึงวันที่ 1 ส.ค.2568 และเชื่อว่าทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทำงานเต็มที่เพื่อให้ไทยได้รับการยกเว้นที่ดีขึ้นจากอัตราที่ประกาศเก็บภาษีตอบโต้ไทย 36%
รวมทั้งได้หารือกับนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา พบว่าพร้อมที่จะสู้เต็มที่จึงยังมีความหวังเพราะมีหลายเรื่องที่ไทยทำให้สหรัฐได้
สำหรับการเจรจาครั้งนี้ต้องดูรายละเอียดหมวดสินค้าที่ไทยให้แล้วไม่เสียอะไรมาก โดยแต่ละหน่วยงานจำเป็นต้องพูดไปในทิศทางเดียวกันทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ต้องเป็นเสียงเดียวกันเพื่อให้สหรัฐพอใจ
ยื่นข้อเสนอแก้ปัญหาอุปสรรคทางการค้า
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่เป็นข้อเสนอเพิ่มเติมนอกจากการการลดภาษีให้สหรัฐ โดยเฉพาะประเด็นการแก้ปัญหามาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (เอ็นทีบี) รวมถึงการแก้ปัญหาขั้นตอนศุลกากรและการสวมสิทธิ์แหล่งกำเนิดสินค้าไทยที่สหรัฐเห็นเป็นปัญหา
ส่วนเป้าหมายการเจรจากับสหรัฐของไทยต้องเท่าอัตราภาษีเท่าเวียดนาม 20 % แต่ถ้าสหรัฐประกาศอัตราภาษีไทยสูงกว่าเชื่อว่าจะมีปัญหา เพราะหลายอุตสาหกรรมที่ย้ายฐานการผลิตเข้ามาไทยหวังที่จะไม่เสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าไทยมีข้อได้เปรียบระบบภาษีที่ดีกว่า รวมถึงระบบราชการที่พร้อมสนับสนุนการลงทุน แต่อัตราภาษีตอบโต้ที่สหรัฐจัดเก็บกับไทยและประเทศเพื่อนบ้านควรใกล้เคียงกัน
“ตอนนี้ต้องรวมใจกันทำให้ 1 ส.ค.นี้ให้สำเร็จให้ได้ ทุกคนมีเป้าหมาย 20% ส่วนแผนงานอื่นค่อยตามมา ถ้าเจรจาไม่เป็นที่หวังจะต้องทำโรดโชว์เพื่อบอกนักลงทุนต่างชาติให้รับรู้ถึงข้อดีด้านอื่นของประเทศไทย” นายเศรษฐา กล่าว
สำหรับมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผลกระทบจากภาษีทรัมป์ได้มีการหารือเตรียมการไว้ โดยเฉพาะการช่วยเอสเอ็มอีที่เป็นเรื่องใหญ่เพราะมีปัญหาอยู่แล้วและมาเจอผลกระทบจากภาษีทรัมป์ โดยรัฐบาลจะหาแนวทางช่วยเหลือและจะมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) ช่วยเหลือด้านแหล่งเงินทุน
นอกจากนี้ สถานการการณ์ท่องเที่ยวมีมีสถิตินักท่องเที่ยวตกลงน่าเป็นห่วง แต่เรื่องสำคัญสุดอยู่ที่การดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จำเป็นจะต้องได้รับการดูแล ส่วนมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเป็นอีกสเต็ปที่จะต้องเข้ามาผลักดัน โดยเปรียบเทียบช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วจะได้รับการยืนยันว่าไปได้ แต่ถ้าเทียบจำนวนนักท่องเที่ยวในปัจจุบันกับช่วงไฮซีซันที่ผ่านมาก็ถือว่าจำนวนลดลง
ส่วนประเด็นที่มีการระบุถึงนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรมีส่วนทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงเพราะรัฐบาลจีนไม่ต้องการให้ประชาชนมาเล่นกาสิโน นายเศรษฐา กล่าวว่า กาสิโนยังไม่เกิดเลยจะเป็นห่วงการท่องเที่ยวจากจีนได้อย่างไร ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงประเด็นนี้ไปแล้ว ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงเป็นเรื่องความมั่นใจและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
ทั้งนี้ รัฐบาลที่รัฐบาลจะเข้มงวดด้านความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น โดยที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ลงพื้นที่สุขุมวิทซอย 3-21 เพื่อสร้างสุขุมวิทโมเดล โดยจัดระเบียบแผงลอยสินค้าผิดกฎหมาย เช่น กัญชา เซ็กซ์ทอย ยาเสพติด ซึ่งสินค้าที่เสี่ยงต่อการความปลอดภัยและความเชื่อมั่นการท่องเที่ยว
ชี้นักลงทุนให้ความสำคัญสถานการณ์การเมือง
สำหรับประเด็นเสถียรภาพการเมืองต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นายเศรษฐา กล่าวว่า การเมืองมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยความมั่นใจนักลงทุนจะต้องได้ความมั่นใจจากการเมือง ซึ่งปัจจุบันมีหลายประเด็นที่กำลังรอการพิจารณารวมถึงประเด็นการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ทำให้ภาคธุรกิจอยู่ในลักษณะ wait and see
“ผมได้มีการหารือกับนายกรัฐมนตรีว่าต้องลุกขึ้นสู้กับประเด็นที่เข้ามา ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีกำลังใจเต็มเปี่ยมและพร้อมที่จะสู้” นายเศรษฐา กล่าว
รวมทั้งเห็นว่าในสถานการณ์การเมืองปัจจุบันอย่าเพิ่งมองข้ามช็อต โดยขณะนี้ควรให้กระบวนการยุติธรรมทำงานไปก่อน ซึ่งนายกรัฐมนตรีคงได้มีการเตรียมคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยยังมีหมากที่เหลือเพราะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมี 3 คน และยังเหลือนายชัยเกษม นิติสิริ ซึ่งได้เจอนายชัยเกษมในช่วงการประชุมพรรคเพื่อไทยและพบว่าแข็งแรงดีตีกอล์ฟประจำและตีเก่ง ส่วนภาพการตีกอล์ฟของนายชัยเกษมที่เผยแพร่ออกมาเข้าใจว่ามีคนไปโพสต์







