“เวิล์ดแบงค์”ให้“เสริมสร้าง พาวเวอร์” กู้เงิน3,000ล้านลุยพลังงานหมุนเวียน

“เวิล์ดแบงค์”ให้“เสริมสร้าง พาวเวอร์”   กู้เงิน3,000ล้านลุยพลังงานหมุนเวียน

IFC องค์กรภายใต้ธนาคารโลก ประกาศให้แพคเกจเงินกู้ บริษัทวินชัยของเสริมสร้าง พาวเวอร์ มูลค่า 3.1 พันล้าน วงเงินก้อนแรก1.5 พันล้าน

ส่วนที่เหลือกู้เพิ่ม ซูมิโตโม มิตซุยฯ ด้วยสกุลท้องถิ่น หวังขับเคลื่อนโปรเจกต์พลังงานสะอาดในไทยและภูมิภาค 

พลังงานทดแทน กำลังเป็นเข็มทิศสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและแนวทางการพัฒนาที่สำคัญของโลกยุคใหม่ แต่ความก้าวหน้าการพัฒนาพลังงานทดแทนยังอยู่บนเงื่อนไขที่ต้องการการสนับสนุนในทุกๆด้าน ทั้งด้านนโยบาย กฎระเบียบ ความรู้ เทคโนโลยี และที่สำคัญคือด้านการเงิน 

เมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารโลก World Bank ได้เผยแพร่ ความร่วมมือระหว่าง  International Finance Corporation – World Bank(IFC) ประกาศให้แพคเกจเงินกู้มูลค่า 3,140 ล้านบาท  หรือ ราว 92 ดอลลาร์ กับบริษััท  บริษัท วินชัย จำกัด (Winchai Company Limited) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) (Sermsang Power Corporation Public Company Limited (SSP))ที่ถือหุ้นทั้งหมด 

สัดส่วนแพคเกจเงินกู้แบบคู่ขนาน

สำหรับแพ็คเกจเงินกู้นี้จะสนับสนุนการพัฒนาและการดำเนินการโครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทยและทั่วภูมิภาค ซึ่งมีกรอบการจัดการเงินทุนดังนี้   IFC ให้กับ Winchai ประกอบด้วยเงินกู้ 1,570 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะระดมผ่านเงินกู้คู่ขนานจาก Sumitomo Mitsui Banking Corporation เงินจากแพ็คเกจเงินกู้ในสกุลเงินท้องถิ่น เพื่อให้Winchai ลงทุนสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 45 เมกะวัตต์ที่ดำเนินการในประเทศไทย และสนับสนุนให้ SSP สามารถเพิ่มศักยภาพในการลงทุนเพิ่มเติมในโครงการพลังงานหมุนเวียนทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย

นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SSP กล่าวว่า การลงทุนครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายการผลิตไฟฟ้า 1 กิกะวัตต์ภายในปี 2032 และเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของ SSP บทบาทผู้เล่นหลักในภูมิภาค”

หวังลุยโปรเจกต์พลังงานลมที่ยั่งยืน 

“แพ็คเกจการเงินระยะยาวในสกุลเงินท้องถิ่นของ IFC และความเชี่ยวชาญด้านการจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมจะทำให้เราสามารถดำเนินโครงการพลังงานลมที่มีอยู่ได้อย่างยั่งยืนและขยายการดำเนินงานของเราทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” 

ทั้งนี้ ความต้องการพลังงานของประเทศไทยนั้นขับเคลื่อนโดยภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก นอกจากนี้ ประเทศไทยยังส่งเสริมอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น หุ่นยนต์ การบิน และเทคโนโลยีดิจิทัล ให้เป็นเครื่องยนต์ใหม่เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตและสร้างงาน ส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกด้วย การสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจด้วยพลังงานที่ยั่งยืนถือเป็นลำดับความสำคัญหลักของประเทศไทย ที่มีอยู่ในร่างแผนพัฒนาพลังงานฉบับใหม่ของประเทศมีเป้าหมายที่จะบรรลุส่วนแบ่งพลังงานหมุนเวียน 51 % ภายในปี 2037 โดยเน้นที่พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และการกักเก็บพลังงาน

หนุนไทยและภูมิภาคใช้พลังงานสะอาด

นายเจน หยวน ซู ผู้จัดการ IFC ประจำประเทศไทยและเมียนมาร์ กล่าวว่า การเข้าถึงพลังงานถือเป็นลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์สำหรับกลุ่มธนาคารโลก

“การกระจายแหล่งพลังงานของประเทศไทยนั้นมีความจำเป็นต่อการตอบสนองความต้องการพลังงานของประเทศในลักษณะที่ยั่งยืน โดยการสนับสนุนภาคเอกชนชั้นนำ IFC มุ่งหวังที่จะช่วยให้ประเทศไทยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สร้างงาน และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็เปลี่ยนไปสู่เส้นทางการเติบโตที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ”

     สำหรับ IFC ซึ่งเป็นสมาชิกของ World Bank Group เป็นสถาบันการพัฒนาระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดซึ่งมุ่งเน้นที่ภาคเอกชนในตลาดเกิดใหม่  ทำงานในกว่า 100 ประเทศ โดยใช้เงินทุน ความเชี่ยวชาญ และอิทธิพลของเราในการสร้างตลาดและโอกาสต่างๆ ในประเทศกำลังพัฒนา 

ในปีงบประมาณ 2024 IFC ได้มอบเงินจำนวน 56,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดให้กับบริษัทเอกชนและสถาบันการเงินในประเทศกำลังพัฒนา โดยใช้ประโยชน์จากโซลูชันภาคเอกชนและระดมเงินทุนภาคเอกชนเพื่อสร้างโลกที่ปราศจากความยากจนบนโลกใบนี้ที่น่าอยู่

ไตรมาส1/68 SSP กำไรเพิ่ม 6.3%

บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SSP) เปิดเผยผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ในไตรมาส 1/68 (สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2568) มีรายได้จากการขายไฟฟ้า 868.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน EBITDA หลักจากการดำเนินงาน 690.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกันกับรายได้ และรายงานกำไรสุทธิ 240.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน แม้ว่ากำไรหลักจากการดำเนินงาน (COP) จะลดลง 10.4% ที่ 226.9 ล้านบาท เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการรับรู้ต้นทุนขาย ต้นทุนทางการเงิน ค่าเสื่อมราคา ของโครงการวินชัย

ปัจจัยที่สนับสนุนทำให้รายได้และกำไรในไตรมาสแรกปีนี้ปรับตัวดีขึ้น มาจากรายได้ของโรงไฟฟ้าพลังงานลม ที่เพิ่มขึ้น 69.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยหลักจากการรับรู้รายได้ของโครงการ “วินชัย” เต็มไตรมาส ประกอบกับค่าความเร็วลมที่ดีกว่าปีก่อน เข้ามาช่วยชดเชยรายได้ Adder ของโครงการโซลาร์ฟาร์ม SPN ที่สิ้นสุดลงในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 รวมถึงรายได้ของโครงการ TTTV ในประเทศเวียดนามที่ลดลงเนื่องจากอยู่ระหว่างการเปลี่ยนสายเคเบิ้ลใต้ทะเล เป็นผลให้ต้องหยุดดำเนินงานบางส่วน พร้อมกลับมาดำเนินการผลิตได้ในเดือนพฤษภาคม 2568

เปิดปัจจัยครึ่งปีหลังยังโตต่อ

โดยบริษัทฯ คาดว่าครึ่งปีหลังได้แรงหนุน จาก SPN Repowering แล้วเสร็จ ประกอบกับเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของโรงไฟฟ้าพลังงานลม อีกทั้งเริ่มรับรู้รายได้ โครงการโซลาร์ฟาร์ม ลีโอ 2 ขนาด 16.4 เมกะวัตต์ ที่เตรียม COD ต้นไตรมาส 4 ซึ่งปัจจุบันการดำเนินการก่อสร้างมีความคืบหน้าเร็วกว่าแผนที่ตั้งไว้ โดยโครงการนี้ถือเป็นโครงการที่ 5 ของบริษัทฯ ในประเทศญี่ปุ่น และเป็นโครงการที่ 2 ในจังหวัดชิซุโอะกะ ต่อจากโครงการ ลีโอ 1 ขนาด 20.0 เมกะวัตต์ ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2564

ทั้งนี้ กลุ่มเสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น มีโครงการที่ดำเนินการแล้ว 285 เมกะวัตต์ ตามสัดส่วนการลงทุน และยังมีโครงการใหม่ที่จ่อทยอย COD ตั้งแต่ปี 68-73 จำนวน 15 โครงการ ราว 410 เมกะวัตต์ โดยเป็นโครงการโซลาร์ฟาร์มรวม 188 เมกะวัตต์ โครงการวินด์ฟาร์มรวม 204 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 17 เมกะวัตต์ หนุนผลงานเติบโตแบบก้าวกระโดดนับแต่ปี 68 เป็นต้นไป

ด้านการบริหารจัดการทางการเงิน ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) ตามมติของคณะกรรมการบริษัทฯ ภายในวงเงินไม่เกิน 200 ล้านบาท และจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 35 ล้านหุ้น ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 ถึง วันที่ 17 สิงหาคม 2568 ทั้งนี้โครงการดังกล่าว เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์บริหารสภาพคล่องส่วนเกิน สร้างความเชื่อมั่นต่อสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน

นอกจากนี้ SSP ยังดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ผ่านการดำเนินโครงการต่างๆ โดยบริษัทฯ ได้รับคะแนนประเมินการกำกับดูแลกิจการ (CG Rating) ระดับ 5 ดาว หรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) ประจำปี 67 และได้รับการคัดเลือกเป็น “หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings” ระดับ “AA” ประจำปี 67 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้รับการคัดเลือก จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานการดำเนินงานที่ โดดเด่นและสอดคล้องกับการลงทุนอย่างยั่งยืน

“เวิล์ดแบงค์”ให้“เสริมสร้าง พาวเวอร์”   กู้เงิน3,000ล้านลุยพลังงานหมุนเวียน