คลังปัด ‘พิโกไฟแนนซ์’ แห่คืนใบอนุญาต แจง NPLs ลดลง รายใหม่โตต่อเนื่อง

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการคืนใบอนุญาตของผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) จำนวนมาก ว่าเป็นข้อมูลที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน โดยไม่พบการคืนใบอนุญาตที่ผิดปกติแต่อย่างใด

นายพรชัย กล่าวว่า นโยบายสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2560 มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบให้แก่ประชาชนรายย่อย และเป็นกลไกสนับสนุนให้เจ้าหนี้นอกระบบเข้ามาประกอบธุรกิจอย่างถูกกฎหมาย โดยจากข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2568 มีผู้ประกอบธุรกิจที่เปิดดำเนินการอยู่จำนวนสะสมสุทธิ 1,155 ราย ใน 75 จังหวัด และ ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2568 มีการอนุมัติสินเชื่อสะสมไปแล้วกว่า 5 ล้านบัญชี เป็นวงเงินรวมกว่า 50,000 ล้านบาท

สำหรับประเด็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) นั้น ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 พบว่า NPLs ของสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์คิดเป็นร้อยละ 23.40 ของยอดสินเชื่อคงค้าง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (ณ 31 มี.ค. 67) ที่มี NPLs อยู่ที่ร้อยละ 23.69 ถือว่า NPLs มีทิศทางปรับตัวลดลงเล็กน้อย ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ที่กำหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 36 ต่อปีนั้น เป็นอัตราที่สะท้อนถึงความเสี่ยงและต้นทุนการดำเนินงานที่สูงกว่าสินเชื่อปกติ เนื่องจากเป็นการให้สินเชื่อแก่กลุ่มผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในสถาบันการเงินทั่วไปได้

ในส่วนของการคืนใบอนุญาตนั้น นับตั้งแต่ปี 2560 จนถึงเดือนพฤษภาคม 2568 มีผู้ประกอบธุรกิจคืนใบอนุญาตจำนวน 106 ราย โดยมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากผลกระทบทางเศรษฐกิจช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 และปัญหาขาดแคลนบุคลากร อย่างไรก็ตาม ในแต่ละปีจำนวนผู้ได้รับใบอนุญาตใหม่ ยังคงมีจำนวนมากกว่าผู้ที่คืนใบอนุญาต ส่งผลให้จำนวนผู้ประกอบการในระบบเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

"ตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน สภาวะเศรษฐกิจและการแข่งขันส่งผลให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องปรับตัวอยู่เสมอ กระทรวงการคลังในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลอยู่ระหว่างพิจารณาปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์สามารถขยายพื้นที่การให้บริการไปยังจังหวัดข้างเคียงกับที่ตั้งสำนักงานใหญ่ได้ ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนรายย่อยมีทางเลือกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบมากขึ้น" นายพรชัยกล่าว