งบปี 69 มีจำกัด ‘แพทองธาร’ ใช้ให้คุ้มค่า

สภาผู้แทนราษฎรรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ในวาระแรก ซึ่ง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงเจตนารมณ์
ในการใช้งบประมาณนี้เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวและเติบโตอย่างยั่งยืนผ่าน 6 ยุทธศาสตร์หลัก พร้อมทั้งประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจปี 2569 ที่เป็นบริบทของการจัดทำงบประมาณนี้คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวในช่วง 2.3-3.3% ผลการโหวตเมื่อวันที่ 31 พ.ค.2568 มีมติ 322 ต่อ 158 เสียง รับหลักการในวาระแรก
การใช้จ่ายงบประมาณครั้งนี้มีเป้าหมายชัดเจนในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการสนับสนุนภาคเอกชน ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมรองรับความท้าทายจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าระหว่างประเทศที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย รัฐบาลได้แสดงความตระหนักถึงความจำเป็นในการบริหารจัดการงบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ด้านการรับมือกับผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐ รัฐบาลได้ระบุความกังวลต่อ “กำแพงภาษี” หรือการเพิ่มอัตราภาษีสินค้านำเข้าที่อาจเกิดขึ้นในยุคการบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย รัฐบาลจึงได้เตรียมแผนรองรับและปรับกลยุทธ์การค้าเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว โดยจัดสรรงบประมาณสำหรับการพัฒนาตลาดใหม่และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดโลก
ขณะที่ฝ่ายค้านได้แสดงจุดยืนอย่างเข้มข้นต่อการจัดทำงบประมาณครั้งนี้ โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์ในหลายประเด็น รวมทั้งการกู้เงินที่เพิ่มสูงขึ้น นโยบายเงินดิจิทัล และการบริหารจัดการหนี้สาธารณะ โดยฝ่ายค้านได้เตรียมความพร้อมในการซักฟอกรายละเอียดงบประมาณในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 73 คน ซึ่งแม้ว่าฝ่ายค้านจะรู้ดีว่าเปลี่ยนแปลงรายละเอียดงบประมาณได้ไม่มาก แต่ยืนยันที่จะทำหน้าที่ซักฟอกงบประมาณเต็มที่
รัฐบาลคาดหวังที่จะมีการปรับเปลี่ยนงบประมาณสำหรับรายการเตรียมความพร้อมรับมือผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงครามการค้า ซึ่งรัฐบาลมีการกำหนดงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจในงบประมาณกลาง 2569 เพียง 2 หมื่นล้านบาทเศษ ซึ่งไม่เพียงพอแน่นอนในกรณีที่เศรษฐกิจชะลอตัวอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลังปี 2568 ดังนั้น เมื่อทรัพยากรมีจำกัดจึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุดเต็มศักยภาพเพื่อรองรับทั้งรายจ่ายประจำ งบประมาณลงทุนและงบรองรับผลกระทบทางเศรษฐกิจ







