โทลล์เวย์-คมนาคม วุ่นตีความสัญญา เยียวยาโควิดพุ่ง 2.3 พันล้าน

“คมนาคม” เตรียมยื่นอุทธรณ์ปม “ดอนเมืองโทลล์เวย์” ฟ้องเรียกเงินชดเชยผลกระทบสูญเสียรายได้จากการแพร่ระบาดโควิด-19 รวมกว่า 2.3 พันล้านบาท
KEY
POINTS
- “คมนาคม” เตรียมยื่นอุทธรณ์ปม “ดอนเมืองโทลล์เวย์” ฟ้องเรียกเงินชดเชยผลกระทบสูญเสียรายได้จากการแพร่ระบาดโควิด-19 รวมกว่า 2.3 พันล้านบาท
- แจงสัญญาระบุเยียวยากรณีเหตุสุดวิสัย สามารถเจรจาการเยียวยาได้ ระบุปัจจุบันอยู่ระหว่างตีความข้อกฎหมายประเด็นกรอบเวลา และจำนวนเงิน มั่นใจไม่มีต่อรองสัมปทาน
- เผยกำไรโทลล์เวย์พุ่งเท่าตัวจากช่วงโควิด ปี 2567 แตะ 899 ล้านบาท ขณะที่ผลการจ้างที่ปรึกษาอิสระประเมินการสูญเสียด้านการจราจรและรายได้ช่วงโควิด 2 ปี 6 เดือน สูญเสียปริมาณจราจรของทางหลวงสัมปทานทั้งสองตอน รวม 63.80 ล้านคัน คิดเป็นรายได้ค่าผ่านทางที่เสีย 4,297 ล้านบาท
ข้อพิพาทระหว่างผู้ให้บริการทางด่วนกับหน่วยงานรัฐที่เป็นเจ้าของสัมปทานเกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT ได้แจ้งกรมทางหลวงเพื่อขอมาตรการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระหว่างปี 2563-2564
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณี บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อขอเงินเยียวยาจากผลกระทบการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 กระทบต่อฐานะทางการเงิน
รวมทั้งบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือมายังกระทรวงคมนาคมก่อนหน้านี้ พร้อมทั้งได้ตั้งคณะทำงานร่วมกัน ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนเจรจาการเยียวยา รวมถึงตีความข้อกฎหมายโดยเฉพาะประเด็นกรอบเวลาที่ได้รับผลกระทบ
อย่างไรก็ดี จากการเจรจาช่วงที่ผ่านมายังมีประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นไม่ตรงกัน คือ การตีความข้อกำหนดในสัญญาที่ระบุว่าจะสามารถเจรจาเยียวยากรณีมีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้น โดยการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น นับเป็นเหตุสุดวิสัย แต่การที่เอกชนตีความเรื่องดังกล่าวและกำหนดผลกระทบมายาวนานถึง 2 ปี 6 เดือนนั้น กระทรวงฯ มองว่าเป็นกรอบเวลาที่ยาวนานเกินไป และไม่ได้เป็นเหตุสุดวิสัย
มั่นใจเยียวยาไม่ถึง 2.3 พันล้านบาท
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมมองว่าเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หากจะพิจารณาเพื่อขอเจรจาเยียวยานั้น ความเหมาะสมน่าจะใช้กรอบเวลาในช่วงที่รัฐบาลมีการประกาศมาตรการปิดเมือง (Lockdown) เพื่อควบคุมโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นระยะเวลาไม่นาน และไม่น่าจะใช้เงินเยียวยามากถึง 2.3 พันล้านบาทตามที่เอกชนประเมินไว้
“การเยียวยารายได้ดอนเมืองโทลล์เวย์ เอกชนทำหนังสือมายังกระทรวงฯ และได้เริ่มการเจรจากันไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่สามารถสรุปตัวเลขที่ตรงกันได้ ซึ่งกระทรวงฯ ยืนยันว่าไม่น่าจะต้องเยียวยามากถึง 2 ปี 6 เดือน และใช้เงินมากถึง 2.3 พันล้านบาท โดยเรื่องนี้ยังต้องเจรจารายละเอียดร่วมกันต่อไป” แหล่งข่าว กล่าว
ส่วนกรณีที่เอกชนได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม โดยกระทรวงคมนาคมได้จัดเตรียมทีมกฎหมายเพื่อยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำเสนอข้อพิพาทนี้แล้ว ดังนั้นขณะนี้ถือเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการต่อสู้กันในขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งจะดำเนินการควบคู่ไปกับคณะทำงานต้องเจรจากรอบเวลาและตัวเลขชดเชยให้ตรงกันต่อไป
“คมนาคม” มั่นใจไม่มีต่อรองสัมปาน
รายงานข่าวกล่าวด้วยว่า ตามสัญญาสัมปทานมีการกำหนดไว้ว่าหากเกิดเหตุสุดวิสัยเอกชนสามารถเจรจาเงื่อนไขการชดเชยผลกระทบได้ ดังนั้นเรื่องนี้ถือว่าเอกชนดำเนินการตามสัญญา เหลือเพียงตีความทางกฎหมาย ประเมินกรอบเวลาและตัวเลขชดเชยที่ไม่ตรงกัน
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมมั่นใจว่าหากการตีความเรื่องกรอบเวลา และเงินเยียวยาลดลง พิจารณาเพียงเหตุสุดวิสัยช่วง Lockdown ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินชดเชยจำนวนมาก ดังนั้นไม่น่าเข้าเงื่อนไขว่าเอกชนจะนำมาต่อรองเพื่อขยายสัญญาสัมปทาน
สำหรับสัญญาสัมปทานดอนเมืองโทลล์เวย์ จะครบกำหนดในปี 2577 ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงคมนาคมได้ศึกษาแนวทาง และความเป็นไปได้ ผ่านการเปรียบเทียบตัวเลขความคุ้มค่าในทุกมิติเกี่ยวกับการบริหารสัญญาโครงการนี้ พบว่าแนวทางที่เหมาะสม คือ ไม่ควรเจรจาขยายสัญญาสัมปทานออกไปอีก เพราะตัวเลขศึกษาออกมาพบว่าไม่คุ้มค่าในทุกกรณี
ดังนั้นควรจะดำเนินการตามสัญญาสัมปทานตามเดิมและรอให้หมดสัญญาในปี 2577 และหลังจากนั้นทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของ กรมทางหลวงทันที เพราะภายใต้สัญญานี้ไม่มีเงื่อนไขกำหนดให้ต้องเจรจากับเอกชนคู่สัญญาเพื่อเสนอต่อสัญญาเป็นรายแรก ดังนั้นจึงมีแนวทางดำเนินการคือ เปิดประมูลใหม่ หรือภาครัฐนำโครงการกลับมาบริหารเอง และประโยชน์คือการศึกษาโครงสร้างค่าผ่านทางใหม่
รายงานข่าวจากบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ปริมาณการจราจรของทางยกระดับดอนเมือง ระหว่างปี 2562-2567 ซึ่งเป็นช่วงก่อนและหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดังนี้
ปี 2562 เฉลี่ยเดือนละ 54,376 คัน
ปี 2563 เฉลี่ยเดือนละ 37,143 คัน
ปี 2564 เฉลี่ยเดือนละ 23,549 คัน
ปี 2565 เฉลี่ยเดือนละ 33,177 คัน
ปี 2566 เฉลี่ยเดือนละ 39,575 คัน
ปี 2567 เฉลี่ยเดือนละ 40,767 คัน
สำหรับรายได้รวมของบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) มีรายละเอียดดังนี้
ปี 2563 อยู่ที่ 2,063 ล้านบาท กำไรสุทธิ 791.43 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้รวม 1,202 ล้านบาท กำไรสุทธิ 404.30 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้รวม 1,846 ล้านบาท กำไรสุทธิ 780.58 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้รวม 2,356 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,003 ล้านบาท
ปี 2567 รายได้รวม 2,485 ล้านบาท กำไรสุทธิ 899 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) จ้างที่ปรึกษาอิสระประเมินการสูญเสียด้านการจราจรและรายได้ ช่วงวันที่ 26 มี.ค.2563-30 ก.ย.2565 เป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน สูญเสียปริมาณจราจรของทางหลวงสัมปทานทั้งสองตอน รวม 63.80 ล้านคัน คิดเป็นรายได้ค่าผ่านทางที่เสีย 4,297 ล้านบาท คิดเป็นผลเสียต่อฐานะการเงินบริษัท 2,307 ล้านบาท







