ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น หลังทรัมป์ขยายเส้นตายภาษีอียู

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น หลังทรัมป์ขยายเส้นตายภาษีอียู

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น หลังประธานาธิบดีทรัมป์ ขยายเส้นตายเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรป 50% ออกไปจนถึง 9 ก.ค. ตลาดหวังสงครามการค้าโลกคลี่คลายลง

บลูมเบิร์ก รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเป็นรอบที่ 2 ของการซื้อขาย หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาจะขยายเส้นตายสำหรับสหภาพยุโรปในการรับมือกับมาตรการภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ ทำให้เกิดความหวังขึ้นบ้างว่าความตึงเครียดด้านการค้าจะคลี่คลายลง

วันจันทร์ (26 พ.ค.) ราคาน้ำมันดิบเบรนท์สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้นแตะระดับ 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) อยู่ต่ำกว่า 62 ดอลลาร์ 

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหภาพยุโรปเพิ่มอีก 50% ในช่วงต้นเดือนหน้า แต่ได้ให้เวลาสหภาพยุโรปจนถึงวันที่ 9 กรกฎาคมเพื่อบรรลุข้อตกลงการค้า หลังจากได้โทรศัพท์หารือกับนางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป

ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวลดลงตั้งแต่กลางเดือนมกราคม เนื่องจากผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรและมาตรการตอบโต้ของทรัมป์ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มอุปสงค์ แผนการของกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) ที่จะเพิ่มการผลิตที่ไม่ได้ดำเนินการได้เพิ่มแรงกดดัน โดยกลุ่ม OPEC+ เตรียมประชุมกันในวันอาทิตย์เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการผลิตในเดือนกรกฎาคม

เจรจานิวเคลียร์อิหร่านคืบหน้า

ขณะเดียวกัน ทรัมป์กล่าวว่าเขาได้เจรจากับเจ้าหน้าที่อิหร่านอย่าง “ดีมาก” ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการผลักดันให้จำกัดโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน สหรัฐฯ และอิหร่านได้หารือกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในกรุงโรม โดยอับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านและผู้นำการเจรจากล่าวว่าอาจนำไปสู่ข้อตกลงในการประชุมอีกสองสามครั้งข้างหน้า