'พีระพันธุ์' บินไปลาว จังหวะเดียวกับ ป.ป.ช.ออกหมายเรียก

ท่ามกลางข้อสงสัยถึงการหลบเลี่ยงการชี้แจงต่อ ป.ป.ช.กรณีถูกกล่าวหาว่าแจกถุงยังชีพติดป้ายชื่อตนเอง และประเด็นถือครองหุ้น "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เดินทางด่วนเยือน "สปป.ลาว" เพื่อเจรจาซื้อไฟฟ้าโดยตรง หวังลดต้นทุนค่าไฟให้ประชาชน

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกำลังเดินทางไปสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามคำเชิญของนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีลาวในวันที่ 14-15 พ.ค.68 โดยมอบหมายให้สะเหลิมไซ กมมะสิด รองนายกรัฐมนตรี และ ดร.คำมะนี อินทิลาด รัฐมนตรีพลังงาน และเหมืองแร่เป็นผู้เจรจาหารือ

ทั้งนี้ การเดินทางไปดังกล่าวเป็นไปตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว เพื่อการเจรจาซื้อไฟฟ้าเข้ามายังประเทศไทย เนื่องจากมีบางเขื่อนผลิตไฟฟ้าที่จะทยอยหมดสัมปทาน หลังจากที่ก่อนหน้านี้จะมีผู้ที่เข้าไปขอสัมปทานเพื่อนำมาขายให้ไทยอีกทอดหนึ่ง

แหล่งข่าวกล่าวว่า เมื่อสามารถซื้อไฟจาก สปป.ลาวได้โดยตรงก็จะทำต้นทุนลดลง ซึ่งก็จะมีผลทำให้ช่วยลดค่าไฟฟ้าในประเทศได้ เนื่องจากการรับซื้อไฟแต่เดิมจาก สปป.ลาว จะต้องผ่านโบรกเกอร์ หรือคนกลางก่อนที่จะมาถึงการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จึงทำให้ราคารับซื้อสูง

อย่างไรก็ตาม นายพีระพันธุ์ พอจะรับทราบปัญหาดังกล่าวในการรับซื้อไฟที่ผ่านคนกลาง ซึ่งมีผลทำให้ราคารับซื้อสูง จึงพยายามหาทางเจรจาให้ค่าไฟให้ถูกลง อย่างไรก็ดี หากถามว่าจะสามารถซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาวได้มากน้อยแค่ไหน คงต้องขึ้นอยู่กับการเจรจาที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยไทยมีความพร้อม และไม่มีปัญหาเรื่องการซื้อไฟจำนวนมากหากสามารถทำได้ โดยมองว่าอะไรที่ถูกไทยจะไม่ผลิตเอง

"ต้องเข้าใจก่อนว่าเขื่อนพลังน้ำของ สปป.ลาว เป็นพลังงานที่เสถียรที่สุด เนื่องจากปริมาณน้ำมีมาก ไม่เหมือนกับไทยที่จะกักเก็บไว้เพื่อทำการเกษตร หากน้ำไม่ล้นเขื่อนก็จะไม่ปล่อยออกมาทำให้ไม่เกิดการปั่นไฟฟ้า แต่เขื่อนของ สปป.ลาว น้ำจะไหลผ่านตลอด” 

สำหรับการซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนพลังน้ำ จะทำให้ไทยได้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable enerygy) ซึ่งมีความจำเป็นต้องเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดโดยนัย เนื่องจากไทยมีการเซ็นปฏิญาณเรื่องการใช้พลังงานสะอาดไว้เรียบร้อยแล้ว

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นายพีระพันธุ์ ยังมีประเด็นที่ต้องชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในวันที่ 15 พ.ค.68 เกี่ยวกับกรณีการแจกถุงยังชีพ โดยประเด็นหลักที่ ป.ป.ช.กำลังดำเนินการตรวจสอบคือ การแจกถุงยังชีพ ซึ่งนายพีระพันธุ์ ถูกกล่าวหาว่า ได้แจกถุงยังชีพช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยมีการติดสติกเกอร์ป้ายชื่อ และรูปภาพของตนเองบนถุงยังชีพ ซึ่งอาจเข้าข่ายการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องการถือครองหุ้นในบริษัทต่างๆ ที่นายสนธิญาได้ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ด้วยเช่นกัน อีกทั้งในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 พ.ค.2568 นายพีระพันธุ์ ได้มีการลาการประชุม ดังนั้น การที่นายพีระพันธุ์ เดินทางไปสปป.ลาว ครั้งนี้ จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าการเดินทางไป สปป.ลาวครั้งนี้ เป็นการเลี่ยงการชี้แจงข้อมูลกับ ป.ป.ช.หรือไม่

ทั้งนี้ เฟซบุ๊ก : Paisal Puechmongkol ได้โพสต์ข้อความว่า "เมื่อค่ำวานนี้ เสธ.หิมาลัย ผิวพรรณ ในฐานะผู้แทนของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้จัดงานเลี้ยงขอบคุณ ท่านเอกอัครราชทูตลาวประจำประเทศไทย และคณะ ที่ภัตตาคารชิงฮว่าชุน ถนนรัชดาภิเษก เนื่องในโอกาสที่ได้ช่วยประสานงาน การเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในวันที่ 14-15 พฤษภาคม 2568 นี้ เพื่อเจรจาหารือ ทำความร่วมมือด้าน การจัดซื้อกระแสไฟฟ้า แบบรัฐต่อรัฐระหว่างไทยกับลาว"

"โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้ ค่ากระแสไฟฟ้า ต้นทุนต่ำลง ซึ่งเป็นการประสานงานระหว่างประเทศระดับรองนายกรัฐมนตรี ในเรื่องสำคัญที่ใช้เวลาสั้นที่สุดคือ ไม่ถึงสัปดาห์ ซึ่งเชื่อว่าการเดินทางครั้งนี้จะบังเกิดประโยชน์สูงสุด แก่ประเทศชาติ และประชาชน และเป็นจุดยืนที่แน่วแน่ ของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่จะต้องแก้ไขปัญหาราคากระแสไฟฟ้าของประเทศไทย ให้ต่ำลงให้จงได้ เพราะมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวมแม้กระทั่งการครองชีพของประชาชนอย่างรุนแรงมานานแล้ว แต่ทว่าเรื่องนี้ ยังคงต้องเผชิญกับการขัดขวาง และต่อต้าน ที่หนักหน่วงรุนแรงทุกรูปแบบอีกมาก"

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์