จับตา“เงินเฟ้อ”ส่งสัญญาณติดลบต่อเนื่อง หลังค่าพลังงานลดลง

พาณิชย์ เตรียมหั่นเป้าเงินเฟ้อทั้งปีใหม่เดือน มิ.ย.หลังค่าพลังงานลดลงต่อเนื่อง แต่ยังไม่เข้าสู่ภาวะ”เงินฝืด”
KEY
POINTS
Key Point
- “เงินเฟ้อ” เดือน เม.ย.ติดลบ 0.22 % ปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 13 เดือน
- เงินเฟ้อไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) อยู่ที่ 1.08 % คาดไตรมาส 2 อยู่ระหว่าง 0.14-0.15 %
- ปัจจัยสำคัญทำให้เงินเฟ้อไทยลดลงมาจาก ราคาพลังงาน โดยราคาพลังงานมีสัดส่วนในการคำนวนในตะกร้าเงินเฟ้อ 12.18 %
- เงินเฟ้อไทยปรับตัวลดลงตั้งแต่เดือนม.ค.
- สนค.ย้ำไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด
เริ่มเข้าสู่ไตรมาส 2 "เงินเฟ้อ"ของไทยติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 13 เดือนหรือ 1 ปี 1 เดือน หลังราคาพลังงานปรับลดลงต่อเนื่อง หลังจากที่เคยติดลบติดต่อกันในเดือน ต.ค.2566-มี.ค.2567 ล่าสุดเดือนเม.ย.สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ร รายงานว่า เงินเฟ้อเดือนเม.ย.ติดลบ 0.22 % โดยปัจจัยสำคัญที่กดดันเงินเฟ้อให้ลดลง คือ ราคาสินค้า ในกลุ่มพลังงานปรับตัวดลง ได้แก่ แก๊สโซฮอล์ น้ำมันเบนซิน และค่ากระแสไฟฟ้า รวมไปถึงราคาผักสดลดลงและไข่ไก่ เป็นสำคัญ
เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออกแล้ว อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานสูงขึ้น 0.98 % ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ย 4 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค. - เม.ย.) สูงขึ้น 0.91 %
ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการสำคัญในเดือนเม.ย.68 เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.67 พบว่า มีรายการสินค้าและบริการสำคัญที่ราคาเพิ่มขึ้น 270 รายการ ได้แก่ เนื้อสุกร, ปลานิล, กล้วยน้ำว้า, กาแฟผงสำเร็จรูป, น้ำมันพืช, ขนมหวาน, ค่าเช่าบ้าน, น้ำมันดีเซล เป็นต้น
ส่วนรายการสินค้าและบริการสำคัญที่ราคาลดลง มี 145 รายการ ได้แก่ ไข่ไก่, มะนาว, ถั่วฝักยาว, ผักชี, แตงกวา, พริกสด, ส้มเขียวหวาน, ผลิตภัณฑ์ซักผ้า, สบู่, แชมพู, ค่าไฟฟ้า และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ เป็นต้น
ส่วนรายการสินค้าและบริการสำคัญที่ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มี 49 รายการ ได้แก่ ค่าน้ำประปา, ค่าโดยสารเรือ, ค่าโดยสารรถไฟ, ค่าโดยสารรถประจำทางปรับอากาศ ชั้น 1, ค่าใบอนุญาตขับขี่ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนมี.ค. 2568 พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยสูงขึ้น 0.84 % ซึ่งยังคงอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 24 จาก 134 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศอาเซียนจาก 8 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (บรูไน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม สปป.ลาว)
สนค.ประเมินแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน พ.ค. 2568 คาดว่าจะอยู่ระดับ ใกล้เคียงกับเดือน เม.ย. 2568 และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน สาเหตุสำคัญราคาน้ำมันดูไบในตลาดโลกต่ำกว่าปีก่อนหน้า ซึ่งราคาพลังงานมีสัดส่วนในการคำนวนในตะกร้าเงินเฟ้อ 12.18 %
การลดลงของเงินเฟ้อครั้งแรกและมีแนวโน้มที่เงินเฟ้อจะลดลงต่อเนื่องในเดือน พ.ค.เป็นจุดเริ่มของสัญญาณเงินเฟ้อของไทยที่ทั้งปีมีแนวโน้มหลุดกรอบเป้าหมายที่กระทรวงวางไว้ อยู่ระหว่าง 0.3 – 1.3 % ค่ากลาง 0.8 % เพราะไล่เรียงเงินเฟ้อตั้งแต่ต้นปีจะพบว่า ลดลงต่อเนื่องเริ่มตั้งแต่เดือน ม.ค.เงินเฟ้ออยู่ที่ 1.32 % เดือน ก.พ. 1.08 % เดือนมี.ค. 0.84 % และล่าสุดเดือนเม.ย.ติดลบ 0.22 % เป็นครั้งแรกของปี 68
เมื่อดูภาพรวมเงินเฟ้อไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) อยู่ที่ 1.08 % ต่ำกว่าคาดการณ์เล็กน้อย เดิมคาดการณ์ไว้ที่ ที่ 1.13 % ส่วนแนวโน้มเงินเฟ้อไตรมาส 2 ปี 2568 สนค.คาดว่าจะปรับตัวลดลงจากไตรมาสที่ 1 ประมาณ 0.1-0.2 % ก็จะทำให้เงินเฟ้อไตรมาส 2 อยู่ระหว่าง 0.14-0.15 % โดยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงจะมีผลพอสมควรเนื่องจากราคาน้ำมันในทุกประเภท จะต่ำกว่าไตรมาส 2 ปี 67
ทำให้มีความกังวลว่า เศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด โดยดูจากเงินเฟ้อที่ส่งสัญญาณลดลง ซึ่ง"พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ " ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยจะยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เพราะเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อในแต่ละไตรมาสที่เหลือของปีนี้จะไม่ลงไปถึงระดับติดลบ
โดยในปีนี้สนค.ได้ปรับฐานสินค้าและบริการที่นำมาใช้ในการคำนวณเงินเฟ้อใหม่ เพิ่มเป็น 464 รายการ จากปีฐาน 2562 มีจำนวน 430 รายการ มีทั้งปรับออก และเพิ่มเข้า โดยสินค้าที่ปรับออก เช่น ค่าหนังสือพิมพ์และนิตยสารรายเดือน และที่เพิ่มเข้า เช่น ปลาแซลมอล อะโวคาโด น้ำปลาร้า เกลือแร่ ผักสลัด สมาร์ทวอช ที่ชาร์จพลังงานไฟฟ้า กล้องติดรถยนต์ ฟิล์มติดรถยนต์ เป็นต้น เพื่อให้สอดคล้องกับการบริโภคในปัจจุบัน ส่วนเครื่องฟอกอากาศ คาดว่าจะปรับเข้าในระยะต่อไป
คงต้องจับตาเงินเฟ้อของไทยในระยะต่อไปว่า จะมีการเปลี่ยนอย่างมีนัยยะสำคัญอย่างไร โดยเฉพาะ”ราคาพลังงาน”ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในตะกร้าเงินเฟ้อ โดยปัจจุบันราคาพลังงานมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง
อีกทั้งรัฐบาลมีมาตรการลดค่าครองชีพ โดยเฉพาะการปรับลดค่ากระแสไฟฟ้า ลดลง 17 สตางค์ มาเหลือ 3.99 บาท/หน่วยที่จะเริ่มเดือนพ.ค. ไปจนถึงสิ้นปี ยิ่งทำให้เงินเฟ้อของไทยมีแนวโน้มปรับลดลงอีก จึงเป็นเหตุให้สนค.เตรียมปรับการคาดการณ์เงินเฟ้อใหม่ในเดือน มิ.ย. ซึ่งเงินเฟ้อขึ้นและลง สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของ ค่าครองชีพของผู้บริโภคและภาวะเศรษฐกิจของไทย







