ม.หอการค้าไทย เผย เปิดเทอม เงินสะพัด 6.2 หมื่นล้านบาท สูงสุด เป็นประวัติการณ์

ม.หอการค้าไทย เผย เปิดเทอมผู้ปกครองพร้อมจ่าย ทำเงินสะพัด62,615 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 53 ขณะที่วันวิสาขบูชา มีมูลค่าใช้จ่าย 3,971 ล้านบาท ชี้เศรษฐกิจไทยยังไม่ซึมตัวรุนแรง เหตุคนยังกล้าใช้จ่าย ท่องเที่ยว จับตาการเจรจาจีน ถ้าดีส่งสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจโลก-ไทย
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายและผลกระทบของผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอม รวมถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายช่วงวันวิสาขบูชาว่า เปิดเทอมปีนี้ คาดจะมีมูลค่าการใช้จ่ายสูงถึง 62,615 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.80% จากปี 67 ที่มีมูลค่าใช้จ่าย 60,323 ล้านบาท หรือมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนที่ 26,039 บาท ส่วนใหญ่เกือบ 67% ระบุว่า มีเงินเพียงพอกับค่าใช้จ่ายของบุตรหลายในช่วงเปิดเทอม
สำหรับมูลค่าใช้จ่ายดังกล่าว ส่วนใหญ่ 45.6% บอกว่าเท่าเดิมเมื่อเทียบกับปีก่อน อีก 34.7% เพิ่มขึ้นถึงเพิ่มขึ้นมาก เพราะราคาสินค้าแพงขึ้น ซื้อของมากขึ้น มีภาระหนี้น้อยลง มีจำนวนบุตรที่เข้าเรียนเพิ่มขึ้น ค่าบำรุงการศึกษาและค่าธรรมเนียมสูงขึ้น รายได้สูงขึ้น และ 19.7% บอกน้อยลง เพราะราคาของแพงขึ้นทำให้ต้องประหยัด ไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจ ขาดสภาพคล่อง มีภาระหนี้มาก รายได้ลดลง
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ 66.9% รายได้เพียงพอกับค่าใช้จ่าย และ 33.1% ไม่เพียงพอ ส่วนเงินที่นำมาใช้จ่าย มากถึง 61.9% เป็นเงินออม, 26.1% เงินเดือน และ 12.0% โบนัส/รายได้พิเศษ นอกจากนี้ 58.9% บอกว่าค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตรหลานมีส่วนทำให้ต้องก่อหนี้ โดยคิดเป็นหนี้ 10-60% ของยอดหนี้ทั้งหมด มีเพียง 41.0% ไม่มีส่วนก่อหนี้
อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ยังส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา จึงต้องหารายได้เสริม ลดค่าใช้จ่ายส่วนอื่น กู้ยืมเงินเพื่อให้บุตรหลานได้เรียนดีๆ ย้ายไปโรงเรียนที่ค่าเทอมถูกกว่า โดยเห็นว่า กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ช่วยลดภาระของผู้ปกครองได้มาก
“ยอดการใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมปีการศึกษา 2568 ถือว่ามียอดใช้จ่ายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ที่เริ่มทำการสำรวจมาตั้งแต่ปี 53 ส่วนหนึ่งอาจตีความได้ว่า ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาปรับตัวสูงขึ้น หรือผู้ปกครองให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษาของบุตรหลานมากขึ้น”นายธนวรรธน์ กล่าว
ส่วนผลสำรวจการใช้จ่ายช่วงวันวิสาขบูชา พบว่า บรรยากาศปีนี้คึกคักกว่าปีก่อน คาดมีมูลค่าใช้จ่าย 3,971 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.16% เทียบปี 67 มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนด้านการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ 8,535 บาท, กิจกรรมทางศาสนา 1,903 บาท, ทำกิจกรรมอื่น 1,623 บาท, พักผ่อนอยู่บ้าน 722 บาท และกลับบ้านต่างจังหวัด 1,033 บาท
นายนวรรธน์ กล่าว จากผลสำรวจ ยังไม่พบสัญญาณว่าเศรษฐกิจไทยจะซึมตัวลงรุนแรง เพราะประชาชนยังใช้จ่ายด้านการศึกษาเต็มที่ และยังเดินทางท่องเที่ยว ทำกิจกรรมต่างๆ ในช่วงวันวิสาขบูชา ที่มีวันหยุดยาว อาจได้รับอานิสงส์จากกรณีที่สหรัฐฯเลื่อนการเก็บภาษีตอบโต้คู่ค้า รวมถึงไทยออกไปอีก 90 วัน และอาจเลื่อนออกไปได้อีก ถ้าการเจรจาต่อรองกับประเทศคู่ค้าต่างๆ ยังไม่เห็นผลที่ชัดเจน แม้เริ่มเจรจากับหลายประเทศแล้ว
ส่วนการที่สหรัฐฯเจรจากับจีนอย่างจริงจังที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ทำให้เห็นว่า สงครามการค้าของ 2 ประเทศเริ่มผ่อนคลายลง แต่ยังคงต้องจับตาการเจรจาของ 2 ประเทศอย่างใกล้ชิด ถ้าเจรจาได้สำเร็จ และมาตรการต่างๆ ที่จีนนำมาใช้ ทั้งลดอัตราส่วนเงินสำรองของธนาคาร เพื่อเปิดช่องให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อเข้าระบบได้มากขึ้น และออกมาตรการต่างๆ ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศนั้น สามารถทำให้เศรษฐกิจจีนเติบโตได้ 5% ในปีนี้ และหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเป็นปกติ ก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย
อย่างไรก็ตามแต่เศรษฐกิจไทยก็ยังอยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ และมีปัจจัยเชิงลบที่เชื่อได้ว่า การขยายตัวในปีนี้จะอยู่ที่ 2% บวก/ลบ สิ่งสำคัญคือ รัฐบาลน่าจะส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ มาตรการเที่ยวคนละครึ่งน่าจะมี และเชื่อว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น่าจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อเนื่อง เพราะเงินเฟ้อทั่วไปยังต่ำอยู่ และใช้นโยบายการคลังออกมากระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องด้วย