EXIM BANK แนะ 4 แนวทาง ผู้ส่งออกไทยรับมือภาษี Reciprocal Tariffs

EXIM BANK แนะ 4 แนวทาง ผู้ส่งออกไทยรับมือภาษี Reciprocal Tariffs

วิจัย EXIM BANK แนะผู้ส่งออกไทย 4 แนวทางรับแรงกระแทกจากภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ ชี้เตรียมการรับมือ worst case เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอ

แม้สหรัฐอเมริกาจะประกาศเลื่อนการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ออกไปอีก 90 วัน แต่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ยังคงประเมินว่าสถานการณ์ดังกล่าวยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ผู้ประกอบการไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในระยะถัดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงจากแนวโน้มเศรษฐกิจและการค้าโลกที่อาจชะลอตัวลง

โดยรายงานข่าวจากฝ่ายวิจัยธุรกิจ EXIM BANK ระบุว่า การที่สหรัฐฯ เลื่อนการบังคับใช้ Reciprocal Tariffs ออกไปจนถึงวันที่ 9 ก.ค. 2568 นั้น เป็นการเปิดโอกาสให้แต่ละประเทศ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างการติดต่อและเจรจา มีเวลาในการหารือเพื่อหาทางออกร่วมกัน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผลการเจรจาจะเป็นเช่นไร ผู้ประกอบการไทยควรเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด (Worst Case Scenario)

ตลาดการเงินผันผวน 

ในระยะสั้น ตลาดการเงินโลกยังคงเผชิญกับความอ่อนไหวและผันผวนสูงจากความไม่แน่นอนของนโยบายสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น ค่าเงิน และสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ โดยสังเกตได้จากดัชนีวัดความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐฯ (VIX) ที่ปรับตัวสูงขึ้น และดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (U.S. Dollar Index) ที่อ่อนค่าลง ทำให้ผู้ส่งออกไทยต้องเพิ่มความระมัดระวังในการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

ส่งออกได้อานิสงส์ Panic Buying

ในขณะเดียวกัน ภาคการส่งออกกลับได้รับแรงหนุนจากภาวะ "Panic Buying" หรือการเร่งซื้อสินค้าเพื่อกักตุนของผู้นำเข้าและผู้บริโภค ก่อนที่ราคาจะปรับสูงขึ้นหลังมาตรการภาษีมีผลบังคับใช้ และเพื่อทดแทนสินค้าจากจีนที่ถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นแล้วอย่างน้อย 145% ส่งผลให้การส่งออกไทยไปสหรัฐฯ ในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. 2568 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่ขยายตัวได้ถึง 25% ในสินค้าสำคัญ เช่น คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน และอุปกรณ์สื่อสาร

อย่างไรก็ตาม EXIM BANK เตือนว่า ความต้องการซื้อดังกล่าวอาจลดลงอย่างกะทันหันในระยะข้างหน้า เนื่องจากไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริง (Real Demand) เศรษฐกิจและการค้าโลกชะลอตัว กระทบไทยหลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับระยะถัดไป เศรษฐกิจและการค้าโลกมีความเสี่ยงที่จะชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ

โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2568 เหลือ 2.8% จากเดิม 3.3% ขณะที่องค์การการค้าโลก (WTO) คาดว่าปริมาณการค้าโลกจะหดตัว 0.2% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2.7%

ซึ่งปัจจัยหลักมาจากมาตรการ Reciprocal Tariffs ของสหรัฐฯ สถานการณ์นี้ส่งผลต่อเนื่องให้มีการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยลงเช่นกัน โดย IMF คาดว่าจะขยายตัว 1.8% และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดว่าจะขยายตัว 2.0%

การส่งออกของไทยย่อมได้รับผลกระทบในระยะข้างหน้าอย่างแน่นอน แม้ความรุนแรงจะขึ้นอยู่กับผลสรุปสุดท้ายของมาตรการ Reciprocal Tariffs ที่สหรัฐฯ จะใช้กับไทย แต่แนวโน้มเศรษฐกิจและการค้าโลกปี 2568 ที่คาดว่าจะชะลอตัวลง จะส่งผลต่อทิศทางการส่งออกของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เบื้องต้น EXIM BANK ประเมินว่า ในกรณีที่ไทยถูกเก็บภาษี 10% เท่ากับทุกประเทศ การส่งออกไทยในปีนี้อาจยังขยายตัวได้เล็กน้อยราว 0.5-1.5%

แนะ 4 แนวทาง ผู้ประกอบการเร่งปรับตัว

EXIM BANK ได้เสนอ 4 แนวทางสำคัญให้ผู้ประกอบการไทยเร่งปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์และความไม่แน่นอนนี้

1.เข้าถึงคู่ค้าของตนเอง ผู้ส่งออกควรติดต่อประสานงานกับคู่ค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อรับทราบสัญญาณผลกระทบที่คู่ค้าอาจได้รับ ยืนยันการรับมอบสินค้า และเตรียมพร้อมเจรจาเรื่องค่าใช้จ่ายภาษีนำเข้าที่อาจถูกเรียกเก็บเพิ่มขึ้นกับสินค้าไทยตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค.2568

2.เข้าถึงเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน โดยใช้เครื่องมือ เช่น Foreign Exchange Forward Contracts เพื่อปิดความเสี่ยง นอกจากนี้ ควรพิจารณาใช้บริการประกันการส่งออกเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระเงิน การปฏิเสธรับมอบสินค้า หรือความเสี่ยงทางการเมือง

3.เข้าสู่ตลาดใหม่ การแสวงหาตลาดประเทศใหม่ๆ เป็นกลยุทธ์ที่จำเป็นในสถานการณ์ที่ตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ และจีน เผชิญความเสี่ยงจากสงครามการค้า พิจารณาตลาดที่มีศักยภาพและมีการขยายตัวดี เช่น อาเซียน (รถยนต์และส่วนประกอบ) EU (คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ) หรือตะวันออกกลาง (เครื่องปรับอากาศ) โดยสามารถใช้ประโยชน์จากกลไกภาครัฐ เช่น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) และ EXIM BANK ในการเข้าสู่ตลาดใหม่

4.เข้าใจสถานการณ์ให้ถ่องแท้ มาตรการ Reciprocal Tariffs มีความซับซ้อนและไม่แน่นอนสูง ผู้ประกอบการควรติดตามข้อมูลและสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงติดตามข้อมูลของประเทศคู่แข่ง เพื่อให้สามารถประเมินผลกระทบต่อธุรกิจของตนเองได้อย่างถูกต้อง และวางกลยุทธ์สินค้าได้อย่างเหมาะสม

EXIM BANK ยืนยันความพร้อมที่จะร่วมมือกับผู้ประกอบการส่งออกไทยในการหาทางออกเพื่อก้าวข้ามวิกฤตในปัจจุบัน ทั้งการให้บริการเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง บริการประกันการส่งออก และผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สนับสนุนการส่งออกและการเข้าสู่ตลาดใหม่

นอกจากนี้ ยังมีบริการ Export Clinic เพื่อให้ข้อมูลและคำแนะนำที่จำเป็นแก่ผู้ประกอบการอย่างทันท่วงที เพื่อให้สามารถเข้าใจสถานการณ์และบริบทการค้าที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างถูกต้อง