นโยบายทรัมป์ไม่แน่นอนหนุนราคาทองคำขึ้นเฉียดทุบสถิติ

 รอยเตอร์สรายงานการซื้อขายทองคำตลาดโลกในวันพุธ (22 ม.ค.) ว่า ราคาทองคำตลาดสปอต (Spot Gold) เพิ่มขึ้น 0.4% อยู่ที่ 2,755.58 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 14.28 น. เวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐ ซึ่งเป็นราคาอยู่ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคมที่ราคาทองแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 2,790.15 ดอลลาร์

ราคาทองคำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐ (Gold Futures) เพิ่มขึ้น 0.3% อยู่ที่ 2,768 ดอลลาร์

ดัชนีดอลลาร์ (DXY) ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ในช่วงต้นเซสชั่น ทำให้ทองคำแท่งในรูปดอลลาร์สหรัฐมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น

“มีความไม่แน่นอนกับภาษีศุลกากรที่ทรัมป์เสนอและสิ่งอื่นๆ และทองคำมักจะไปได้ดีเมื่อมีความไม่แน่นอนในมากหรือปานกลางในตลาด ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติที่ผู้คนจะวิ่งเข้าหา” ไรอัน แม็กอินไทร์ ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโออาวุโสของกองทุน Sprott Asset Management กล่าว

ทรัมป์กล่าวว่ารัฐบาลของเขากำลังหารือเกี่ยวกับการกำหนดภาษีศุลกากร 10% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากจีน โดยอาจจะเริ่มเก็บภาษีในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่เขาเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าเม็กซิโกและแคนาดาอาจต้องเผชิญกับการจัดเก็บภาษีประมาณ 25%

ทองคำมักถูกมองว่าเป็นที่พักพิงในช่วงเวลาที่มีความวุ่นวายทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ แต่โดยทั่วไปแล้ว นโยบายที่ทรัมป์เสนอนั้นจะทำให้เกิดเงินเฟ้อสูง ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ ต้องรักษาอัตราดอกเบี้ยที่สูงเป็นระยะเวลานานเพื่อควบคุมแรงกดดันด้านราคาที่เพิ่มขึ้น

ทรัมป์ไม่ได้ให้รายละเอียดมากนักเกี่ยวกับภาษีศุลกากรที่เขาเสนอ ทำให้นักลงทุนไม่แน่ใจเกี่ยวกับระดับความแข็งกร้าวของนโยบายภาษีและระดับรุนแรงของผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น

“(ทรัมป์) อาจจะไม่ค่อยเข้มงวดในเรื่องภาษีศุลกากรอย่างที่เกรงกัน ซึ่งช่วยได้มาก ภาษีศุลกากรที่น้อย/ต่ำนั้นบ่งชี้ถึงอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง ดังนั้นจึงมีแนวโน้มว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก” ไท หว่อง ผู้ค้าโลหะมีค่า กล่าว

ราคาโลหะเงินลดลง 0.3% เหลือ 30.75 ดอลลาร์ แต่ยังคงทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบหนึ่งเดือนที่ทำได้เมื่อวันที่ 16 มกราคม แพลตตินัมเพิ่มขึ้น 0.5% อยู่ที่ 948.32 ดอลลาร์ และแพลเลเดียมเพิ่มขึ้น 3.2% อยู่ที่ 987.50 ดอลลาร์