สรท.ลุ้นฝ่ามรสุมส่งออกครึ่งปีหลัง ดันทั้งปีโต 2 %

สรท.ลุ้นฝ่ามรสุมส่งออกครึ่งปีหลัง ดันทั้งปีโต 2 %

สรท.พอใจ ส่งออกครึ่งปีแรกสอบผ่านขยายตัวได้ 2 %   ชี้ครึ่งปีหลังปัจจัยรุมเร้าครบทุกตัว ทั้งสงคราม เศรษฐกิจโลกขาลง  ดัชนีภาคการผลิตยังต่ำ  ลุ้นโต 1-2 % ดันการส่งออกไทยทั้งปีขยายตัวได้ตามเป้าหมาย 2 %

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า  การส่งออกครึ่งปี 67 คือตั้งแต่เดือน ม.ค. – มิ.ย. มีมูลค่า 145,290 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 2 % ถือว่า สอบผ่าน  จากผลของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่ฝ่ามรสุมและอุปสรรคในครึ่งปีแรกไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามรัสเซีย-ยูเครน สงครามอิสราเอล-ฮามาส  ปัญหาภัยแล้ง เศรษฐกิจโลกชะลอตัว

โดยในครึ่งปีหลังก็หวังการส่งออกไทยจะขยายตัวได้ 1- 2 % แม้ยังต้องเผชิญความความไม่แน่นอนในสถานการณ์สงครามอิสราเอล-ฮามาส ที่เริ่มเข้มข้นขึ้น เศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะขาลง ภาคการผลิตหรือดัชนีPMI ในประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยทั้ง สหรัฐ จีน ญี่ปุ่น  ยุโรป ที่ยังอยู่ในระดับทรงตัวต่ำกว่า 50  ปรากฏการณ์ ลานีญาที่อาจมีฝนมากทำให้เกิดน้ำท่วมส่งผลต่อปริมาณผลผลิต 

 

 

สรท.ลุ้นฝ่ามรสุมส่งออกครึ่งปีหลัง ดันทั้งปีโต 2 %

นอกจากนี้ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ยืดเยื้อ และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่จะมีผลต่อการค้าและเศรษฐกิจโลกในภาพรวม โดยเฉพาะผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งผู้สมัครทั้งสองฝ่ายมีนโยบายหาเสียงที่แตกต่างกันและอาจส่งผลต่อมาตรการทางการค้าและมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม

ปัญหาสหภาพแรงงานสหรัฐฯ ทั่วประเทศที่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลง อาจทำให้เกิดความขัดแย้งการหยุดการผลิตและกระทบต่อการนำเข้าสินค้าในภาคการผลิตกับประเทศอื่น ๆ รวมถึงไทย และปัญหาสินค้าล้นตลาดจากประเทศจีนที่ระบายออกสู่ตลาดโลก ส่งผลให้สินค้าต้นทุนต่ำเข้ามาทุ่มตลาดในประเทศไทยอีกนัยหนึ่ง รวมถึงเข้าไปแย่งส่วนแบ่งการตลาดของสินค้าไทยในตลาดต่างประเทศ

ส่งออกครึ่งปีหลัง ถือว่าท้าทายมาก ปัจจัยรุมเร้าทุกตัว นอกจากนี้ยังต้องจับตาค่าวางเรือที่อาจกลับมาสูงขึ้นอีก เพราะขณะนี้การเดินเรือขนส่งสินค้ากว่า 90 % ยังคงเดินเรืออ้อมแหลมกู๊ดโฮป ทำให้ต้นทุนสูง ระยะเวลาขนส่งสินค้านานขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ล้วนกดดันส่งออกไทย แต่ก็หวังว่าจะขยายตัวได้ 1-2 % ซึ่งจะส่งผลให้การส่งออกของไทยทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2 % มูลค่า 290,700 ล้านดอลลาร์หรือทะลุ 10 ล้านล้านบาท แต่หากไม่เป็นไปตามที่หวัง อย่างน้อยทั้งปีก็จะขยายตัวได้ 1 % มูลค่า 287,990 ล้านดอลลาร์”นายชัยชาญ กล่าว

สำหรับสินค้าที่เป็นดาวเด่นในครึ่งปีหลัง ยังคงเป็น ข้าว ยางพารา ยางล้อรถยนต์ อาหาร ซึ่งสามารถขับเคลื่อนไปได้ดี ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมยังมีความท้าทาย โดยเฉพาะยานพาหนะและอุปกรณ์ส่วนประกอบ ที่ต้องแข่งขันกับรถยนต์ไฟฟ้าหรือEV  เครื่องใช้ไฟฟ้า

ทั้งนี้ สรท.มีข้อเสนอ ประกอบด้วย 1.เร่งปรับโครงการสร้างการส่งออกของไทย เพื่อรองรับการแข่งขันและการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว โดยมุ่งเน้นให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็น Trading Nation ให้สำเร็จภายใน 3-5 ปี

2.เร่งส่งเสริมกิจกรรมส่งเสริมการขายในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดใหม่ ๆ เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์และสร้างโอกาสให้สินค้าไทยในสายตาคู่ค้าและผู้บริโภคในต่างประเทศ

3.ผู้ส่งออกต้องวางแผนการขนส่งด้วยการจองระวางเรือล่วงหน้า รวมถึงการเจรจากับคู่ค้าเพื่อปรับอัตราค่าขนส่งให้สอดคล้องกับค่าระวางในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกเส้นทาง รวมถึงต้องบริหารจัดการสต็อกสินค้าให้เหมาะสม

4.รัฐต้องกำกับดูแลสินค้าการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่ต้องเอื้อประโยชน์ให้กับซัพพลายเชนในประเทศ รวมถึงกำกับดูแลสินค้าต้นทุนต่ำที่ทะลักเข้ามาในประเทศก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้ผลิตในประเทศโดยเฉพาะ SMEs และปัญหาการจ้างงานลดลง

ทั้งนี้ควรให้มีการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการจัดตั้งเขตปลอดอากรให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นกฎหมายที่บังคับใช้มานานแล้ว ทำให้เกิดช่องโหว่ที่ทำให้ผู้ประกอบการในประเทศเสียเปรียบทางการแข่งขัน เพราะต้องแบกรับภาระต้นทุนจนกว่าจะขายสินค้าได้ โดยภาครัฐต้องดูแลให้เกิดความเป็นธรรมในเรื่องภาษีและมาตรฐานสินค้า ต้องทำระบบนิเวศที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ประกอบการในประเทศ

5.สนับสนุน ส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน ให้เพียงพอต่อการหมุนเวียนกระแสเงินสดและการผลิตเพื่อการส่งออก