‘คลัง’จ่อยื่นกฤษฎีกาเคลียร์ปมกฎหมาย จับตาบอร์ด ธกส.หารือ 'เงินดิจิทัล‘

‘คลัง’จ่อยื่นกฤษฎีกาเคลียร์ปมกฎหมาย จับตาบอร์ด ธกส.หารือ 'เงินดิจิทัล‘

“คลัง” เดินหน้านโยบายแจกเงินดิจิทัล 5 แสนล้านบาท หลัง ครม.ให้ความเห็นชอบ ธ.ก.ส.นัดประชุม 26 เม.ย.นี้ ลุ้นหารือใช้เงินแบงก์แจกเกษตรกร 1.7 แสนล้านบาท “ปลัดคลัง” เมินความเห็น ธปท. ชี้ ต้องถามความเห็นกฤษฎีกา ห่วงกระทบฐานะการเงิน ความเชื่อมั่นผู้ฝากเงิน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้หารือกับผู้บริหารกระทรวงการคลังที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 เม.ย.2567 ถึงการเตรียมความพร้อมในการแจก"เงินดิจิทัล" โดยเฉพาะประเด็นการใช้สภาพคล่องแจกเงินดิจิทัลให้เกษตรกร 17 ล้านคน วงเงินรวม 170,000 ล้านบาท

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวหลังการหารือกับนายกรัฐมนตรีว่า กระทรวงการคลังเตรียมที่จะส่งหนังสือถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อตีความข้อกฎหมายเพื่อให้การดำเนินงานถูกต้องและสร้างความสบายใจให้ทุกฝ่าย

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะสอบถามในประเด็นอำนาจหน้าที่ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งยังยังมีเวลาในการส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกา

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า นายรัฐมนตรีสั่งการให้ดำเนินการด้วยความรอบคอบ และในประเด็นที่เห็นว่าไม่มีความชัดเจนในข้อกฎหมายให้ปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ส่งเรื่องไปแต่อย่างใด  

ทั้งนี้ การใช้งบประมาณจาก ธ.ก.ส.ตามมาตรา 28 สำหรับปีงบประมาณ 2568 จะดำเนินการได้ในเดือน ต.ค.2567 ดังนั้นจึงถือว่ายังมีเวลาในการสอบถามคณะกรรมการกฤษฎีกา

นายลวรณ กล่าวว่า กรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ความเห็นเกี่ยวกับโครงการเงินดิจิทัลเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยในประเด็นดังกล่าวให้ความเห็นมาได้ โดยความเห็นของ ธปท.ไม่ส่งผลให้โครงการสะดุด ลง ซึ่งหลังจากนี้ต้องเริ่มดำเนินโครงการแล้ว เนื่องจากได้ผ่านการเห็นชอบในหลักการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ส่วนข้อเสนอให้แจกเงินเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่มีรายได้น้อย 15 ล้านคน นายลวรณ กล่าวว่า ผู้ว่า ธปท.เคยให้ความเห็นเช่นนี้มาตั้งแต่ต้น ซึ่งคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ได้ผ่านการพิจารณาทั้งหมดแล้ว ซึ่งสิ่งที่ผู้ว่า ธปท.ให้ความเห็นเป็นข้อเสนอแนะเดิม ที่เคยเสนอในที่ประชุมมาตลอด จึงไม่มีประเด็นใหม่ และที่ประชุมได้ชี้แจงต่อข้อกังวลดังกล่าวเป็นเรียบร้อยแล้ว

ขณะที่ประเด็นจะชี้แจงต่อ ธปท.อีกครั้งหรือไม่ นายลวรณ  กล่าวว่า ได้มีการชี้แจงต่อธปท.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และผู้ว่า ธปท.จะไม่ได้มาเข้าร่วมการประชุมก็ตาม คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเนื่องจากพิจารณาในรูปแบบของคณะกรรมการ ซึ่งทางผู้ว่า ธปท.เป็นหนึ่งในคณะกรรมการร่วมกับกรรมการอีก 20 กว่าคน ยืนยันว่า โครงการดิจิทัลวอ ล เล็ต จะเดินหน้าต่อตามแผนเดิม ตามที่ ครม.เห็นชอบ

ธ.ก.ส.นัดประชุมบอร์ด 26 เม.ย.นี้

แหล่งข่าวจาก ธ.ก.ส.เปิดเผยว่า นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส.จะประชุมคณะกรรมการ ธ.ก.ส.ในวันที่ 26 เม.ย.2567 โดยในวาระการประชุมเบื้องต้นยังไม่ได้กำหนดวาระการจัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท แต่อาจยกประเด็นนี้ขึ้นมาหารือ ซึ่ง ธ.ก.ส.พร้อมให้ความร่วมมือในการดำเนินโครงการดังกล่าว

นอกจากนี้ รัฐบาลมีแผนที่จะขอใช้สภาพคล่องของ ธ.ก.ส.เพื่อแจกเงินดิจิทัลให้เกษตรกร 178,000 ล้านบาท ถือเป็นวงเงินที่ค่อนข้างสูง และหากรัฐบาลต้องการใช้วงเงินตามที่ประกาศไว้ดังกล่าวจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งมุ่งประโยชน์ต่อเกษตรกรเป็นหลัก 

“การจะนำเงิน ธ.ก.ส.ไปใช้ต้องอยู่บนพื้นฐานว่าจะไม่กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของธนาคาร หรือ หากนำเงินไปใช้แล้วต้องนำกลับมาคืนธนาคารได้ทันเวลา รวมทั้ง ธปท.ต้องรับรองเงินสำรองของ ธ.ก.ส.ว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ” แหล่งข่าว กล่าว

ธปท.ห่วงฐานะการเงิน ธ.ก.ส.

สำหรับข้อเสนอของ ธปท.ที่ส่งให้ ครม.ประกอบการพิจารณามีหลายประเด็น โดยในประเด็นการให้ ธ.ก.ส.ร่วมสนับสนุนการดำเนินโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่เกษตรกร ธปท.เห็นว่าควรมีความชัดเจนทางกฎหมายว่าการดำเนินการดังกล่าวอยู่ภายใต้หน้าที่และอำนาจ

รวมทั้งอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของ ธ.ก.ส.ตามมาตรา 9 และมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ประกอบกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ จะต้องกำหนดกลไกการเติมเงินให้เกษตรกรแยกส่วนจากการเติมเงินให้ประชาชนทั่วไปอย่างชัดเจน ทั้งอาจต้องจำกัดขอบเขตการใช้จ่ายให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของ ธ.ก.ส. ด้วย เพื่อไม่ให้เกิดการใช้งบประมาณผิดประเภท

ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความถูกต้อง และรอบคอบ จึงเสนอให้ ครม.มอบหมายให้กระทรวงการคลังหารือคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน ดังเช่นที่ได้เคยหารือในประเด็นกิจการอันพึงเป็นงานธนาคารออมสิน ตามมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.ธนาคารออมสิน พ.ศ.2489 แล้ว

รวมทั้ง ธปท.ในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลความเสี่ยงและฐานะของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ มีข้อกังวลว่า การที่รัฐบาลจะมอบหมายให้ ธ.ก.ส.สนับสนุนโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โดยยังมีภาระหนี้คงค้างกับ ธ.ก.ส.ถึง 800,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ อาจทำให้เกิดความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและความเสี่ยง ต่อฐานะการดำเนินงานของ ธ.ก.ส.อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะส่งผลต่อการดำเนินการตามพันธกิจ และกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ฝากเงิน จึงควรมีแนวทางชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ให้แก่ ธ.ก.ส. พร้อมทั้งรับฟังความเห็นของคณะกรรมการ ธ.ก.ส. ก่อนด้วย

‘คลัง’จ่อยื่นกฤษฎีกาเคลียร์ปมกฎหมาย จับตาบอร์ด ธกส.หารือ \'เงินดิจิทัล‘

“แบงก์ชาติ” ยืนยันไม่ค้านแจกเงินดิจิทัล

นายปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธปท.ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวว่า กรณีโครงการแจกเงิน “ดิจิทัลวอลเล็ต” ส่วนนี้ ธปท.ยืนยันว่าไม่ได้มีอำนาจที่จะบอกว่าจะทำหรือไม่ทำโครงการนี้ 

รวมทั้งไม่ได้ขัดข้องกับการที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพียงแต่นำเสนอว่า รูปแบบ และวิธีการควรทำ แบบเฉพาะเจาะจง เฉพาะกลุ่มเพื่อช่วยเหลือกลุ่มที่ยากลำบากจริงๆ ที่จะคุ้มค่ากับเม็ดเงิน อีกทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจกับคนที่ลำบากจะมีแรงส่งต่อเศรษฐกิจที่สูงกว่าการกระตุ้นไปกับกลุ่มทั่วไป

ทั้งนี้ ความชัดเจนในการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ต้องขึ้นอยู่กับการตีความของคณะกรรมการกฤษฎีที่จะให้ความชัดเจนว่า สามารถดำเนินการได้ผ่านมาตรา 28 ได้หรือไม่ และขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ ธ.ก.ส.ว่าจะดำเนินหรือไม่

“จุดยืนของดิจิทัลวอลเล็ต ธปท.ไม่ได้ขัดข้องกับการที่รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพียงแต่อยู่ที่รูปแบบ วิธีการ ที่เราอยากให้ทำแบบเฉพาะเจาะจงมากกว่า เพื่อช่วยเหลือกลุ่มที่ยากลำบากจริงๆ ทั้งในแง่งบประมาณและการไฟแนนซิ่ง ที่อยากให้มั่นใจว่าจะทำได้อย่างมีความยั่งยืน และตามกรอบเกณฑ์ที่ควรจะเป็น ดังนั้นในแง่นโยบายบายใหญ่ เราไม่ได้มีมุมมองว่าควรทำหรือไม่ทำอะไรแบบนั้น เพียงแต่ติดที่รายละเอียดมากกว่า"

“กฤษฎีกา” ชี้ ธกส.ต้องทำตามวัตถุประสงค์

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ทางด้านความเห็นของ นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ระบุว่า กรณีนำเงินของ ธกส. 172,300 ล้านบาท มาดำเนินการจะต้องอยู่ภายในขอบวัตถุประสงค์และในหน้าที่ และอำนาจตามกฎหมายของ ธกส.ตาม พ.ร.บ.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พ.ศ. 2509 

ทั้งนี้ ตามนัยมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 และกระทรวงการคลังกับ ธกส. จะต้องจัดทำแผนบริหารจัดการโครงการ ประมาณการรายจ่าย แหล่งเงินที่ใช้ตลอดระยะเวลาดำเนินการประมาณการสูญเสียรายได้ และประโยชน์ที่จะได้รับ และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติในรายละเอียดก่อนดำเนินโครงการตามนัยมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไปด้วย