ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับขึ้นต่อเนื่อง สูงสุดในรอบ 48 เดือน

ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับขึ้นต่อเนื่อง สูงสุดในรอบ 48 เดือน

ค่าครองชีพลด นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ท่องเที่ยวฟื้น ดันดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ. อยู่ที่ 63.8 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 48 เดือน คาดจีดีพีไตรมาสแรกโต 2 % ส่วนจีดีพีไตรมาส 2 โต 2.5 -3 % อานิสงค์งานเทศกาลสงกรานต์ งบประมาณเคลื่อนลงพื้นที่

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า  ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนก.พ. 67 อยู่ที่ระดับ 63.8 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 48 เดือนนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 63 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม อยู่ที่ 57.7 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำ อยู่ที่ 60.4 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 73.2 ซึ่งดัชนีทุกตัวปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 เช่นกัน

สาเหตุที่ทำให้ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับขึ้นต่อเนื่อง มาจากผู้บริโภคเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นหลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลและรัฐบาลจัดทำนโยบายลดค่าครองชีพโดยลดค่าไฟฟ้าและค่าน้ำมัน ตลอดจนมีนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต่างๆ  จากภาครัฐ เช่น Easy E-Receipt ทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นเพื่อนำมาหักลดหย่อนภาษี การปรับลดค่าฟ้าฟ้า ราคาน้ำมันดีเซล จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย มีจำนวนมากขึ้นหลังจากการเปิดประเทศ ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้น หรือทรงตัวในระดับที่ดีเกือบทุกรายการสำคัญนอกจากนี้ผู้บริโภคเห็นว่าการเมืองไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ

อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามในตะวันออกกลางที่อาจยืดเยื้อบานปลาย อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งส่งผลลบต่อการส่งออกของไทยและอาจมีผลกระทบในเชิงลบต่อกำลังซื้อของประชาชนในทุกภูมิภาคในอนาคต

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยประจำเดือน ก.พ. 2567 ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นของภาคธุรกิจ และหอการค้าทั่วประเทศ จำนวน 369 ตัวอย่าง  มีการปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย จากระดับ 54.8 เป็น ระดับ 55.0  โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากเนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจEasy E -Receipt นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น   การส่งออกก.พ.ขยายตัว10%  ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 29.94 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ภาคเอกชนยังมีความกังวลกรณีที่ กนง.คงอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปี 67  

“ดัชนีความเชื่อมั่นทั้งของ ภาคธุรกิจ และผู้บริโภค เดือนก.พ. อยู่ในระดับทรงๆ เพิ่มขึ้นไม่โดดเด่น ส่วนหนึ่งถูกบั่นทอนจากกรณีที่ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานสภาพัฒนาการณ์เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ออกมาปรับลดจีดีพีปีนี้ลง รวมทั้งยังไม่มีงบประมาณแผ่นดินออกมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งๆที่การท่องเที่ยวและการส่งออกเริ่มฟื้นตัวแล้ว”

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า คาดว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1ปีนี้จะโตราว 2%  ส่วนไตรมาส 2 เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะจุดประกาย พลิกกลับมาฟื้นตัวชัดเจนขึ้นขยายตัวได้ 2.5-3% เนื่องจากจะมีการเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดินเข้าสู่ระบบ รวมทั้งรัฐบาลจะมีการจัดงานเทศกาลมหาสงกรานต์รวม 21 วัน ซึ่งเฉพาะในส่วนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5 หมื่นล้านบาท ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้เติบโตเพิ่มขึ้นได้อีก 0.2-0.3%

ทั้งนี้เป็นเม็ดเงินที่มาจากการใช้จ่ายของคนไทย 5 พัน-1 หมื่นล้านบาท และ การใช้จ่ายนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่คาดว่าจะเข้ามาเที่ยวสงกรานต์ ราว1-1.5 ล้านคน อีก 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากบวกรวมกับเม็ดเงินสะพัดเฉลี่ยแต่ละปีที่ 1.3-1.4แสนล้านบาท จะทำให้เทศกาลสงกรานต์ปีนี้จะมีเม็ดเงินสะพัดในระบบสูงถึง 1.8-1.9 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม หอการค้ายังคงเป้าประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ที่ 3.2% โดยในวันที่ 19 มี.ค.2567จะมีการทบทวนประมาณการณ์เศรษฐกิจอีกครั้ง