งบ1.5หมื่นล.พิรุธ“กรมการข้าว”ต้นตอ เรื่องร้อน“นักร้อง”ตบทรัพย์ข้าราชการ

งบ1.5หมื่นล.พิรุธ“กรมการข้าว”ต้นตอ           เรื่องร้อน“นักร้อง”ตบทรัพย์ข้าราชการ

“ข้าว”มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยแต่หน่วยงานที่รับผิดเกี่ยวกับเรื่องข้าวกระจัดกระจายอยู่ตามหน่วยงานราชการต่างๆ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงตั้ง“กรมการข้าว”ขึ้นในปี 2549 มีภารกิจ ปรับปรุงพัฒนาการปลูกข้าว ชาวนา อนุรักษ์เมล้ดพันธ์ุ และเพิ่มมูลค่าข้าวโดยรวม

Key Point

  • โครงการสนับสนุนลดต้นทุนการ ผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรผู้ปลูกข้าว 1.5 หมื่นล้าน ส่อทุจริต คือจุดเริ่มต้นของการร้องเรียนตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว 
  • กรมการค้าภายใน ทำหนังสือถึงกรมการข้าวขอโยกงบ 1.5 หมื่นล้าน ใช้โครงการสนับสนุนการลดต้นทุนการ ผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรผู้ปลูกข้าวไร่ละ1,000 บาท เป็นผลให้ผลการสอบข้อเท็จจริง อธิบดีกรมการข้าวไม่มีมูล

  • ณัฏฐกิตติ์ ชี้ แผนล่อจับศรีสุวรรณ เพราะแค้นใจไม่เกี่ยวข้องการเมือง 

 

ในแต่ละปีกรมการข้าวจะได้รับงบประมาณเฉลี่ย 2,000 ล้านบาท แต่ในปี 2566 งบประมาณที่กรมการข้าวได้รับ สูงถึง 1.9 หมื่นล้านบาท ในจำนวนนี้ วงเงิน 1.5 หมื่นล้าน ได้นำมาใช้ดำเนินโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการ ผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรผู้ปลูกข้าว โดยการสนับสนุนแบบมีเงื่อนไขให้กลุ่มเกษตรกร ผู้ปลูกข้าวเป็นค่าจัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร และค่าซ่อมแซมเครื่องจักรกลการเกษตร เนื่องจากเป็นโครงการสำคัญ จึงต้องมีหน่วยงานภาคีหลายกระทรวงที่จะต้องร่วมดำเนินงาน ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์

กำหนดเป้าหมายการดำเนินการในศูนย์ข้าวชุมชน 5,000 ศูนย์ 77 จังหวัด เกษตรกรผู้ได้รับประโยชน์ 4.60 ล้านครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่ ให้บริการ 62 ล้านไร่ ระยะเวลาดำเนินการ (1 ปี) ตั้งแต่ 1 ต.ค.- 30 ก.ย. 2566 ภายใต้หลักเกณฑ์กำหนดวงเงินงบประมาณต่อศูนย์ข้าวชุมชน พิจารณาตามพื้นที่ให้บริการ คือ พื้นที่ทำนาปลูกข้าวในเขตการให้บริการของศูนย์ข้าวชุมชน เช่น พื้นที่ให้บริการต่ำกว่า 2,000 ไร่ สนับสนุน 1 ล้านบาท และเพิ่มสัดส่วนตามพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น 

 

งบ1.5หมื่นล.พิรุธ“กรมการข้าว”ต้นตอ           เรื่องร้อน“นักร้อง”ตบทรัพย์ข้าราชการ

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากศูนย์ข้าวชุมชน ปัจจุบันมีอยู่เพียง 4,625 แห่ง และเข้าร่วมโครงการเพียง 29 แห่ง เท่านั้น ทำให้เป็นที่ตั้งข้อสังเกตและมีเรื่องร้องเรียนถึงการทุจริต และกระทรวงเกษตรฯได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ดังกล่าว 

 

ประกอบกับโครงการนี้ถูกต่อต้านโดยชาวนา เนื่องจากลึกๆ แล้วโครงการนี้รัฐบาล ถูกร่างขึ้นมาเพื่อจะนำมาใช้แทนโครงการสนับสนุนคำบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว หรือการแจกเงินชดเชยการปลูกข้าวไร่ละ 1,000 บาท นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเห็นว่าใช้งบประมาณมากเกินไป สูงถึง 50,000 ล้าน และควรยกเลิกหันมาชดเชยผ่านศูนย์ข้าวชุมชนแทน

อีกทั้งฝั่งชาวนาเองได้กดดันกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้ใช้มาตรการแจกเงินชดเชยการปลูกข้าวไร่ละ1,000 บาท เป็นเหตุให้วัฒนศักย์ เสือเอี่ยมอธิบดีกรมการค้าภายใน ต้องทำหนังสือถึงกรมการข้าวเพื่อใช้งบประมาณ1.5 หมื่นล้านดังกล่าว โดยโอนจ่ายผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส. )

“ดังนั้นโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการ ผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรผู้ปลูกข้าวจึงต้องล้มเลิกกลางครัน การสอบข้อเท็จจริงณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าวตามข้อร้องเรียนจึงไม่มีมูลความผิด”

อย่างไรก็ตาม ต่อมาได้มีคดีบุกจับศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน โดยการล่อซื้อของภรรยาอธิบดีกรมการข้าววงเงิน 1.5 ล้านบาทแลกกับการยุติการร้องเรียน นำมาซึ่งหลักฐานที่พัวพันกับบุคคลต่างๆจำนวนมากซึ่ง ณัฏฐกิตติ์ กล่าวชี้แจงกรณีมีผู้ไม่หวังดีพาดพิงว่า "นายหมู ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า) เป็นผู้พาภรรยาของอธิบดีกรมการข้าว นำเงินไปมอบให้กับศรีสุวรรณ เพื่อให้ยุติการร้องเรียนการทุจริตในกรมการข้าว

ประเด็นที่เกิดขึ้นนั้น ตนกับภรรยาได้รวบรวมข้อมูลมานานพอสมควรก่อนไปแจ้งความดำเนินคดี โดยทีมงานที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯไม่มีใครทราบเรื่องนี้ จนวันที่ 28 พ.ย.2566 ด้วยความรำคาญใจ ตนและภรรยา จึงชวนนายหมู (พี่หมู) ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯซึ่งเป็นรุ่นพี่ ไปหานายศรีสุวรรณ ซึ่งเป็นรุ่นน้อง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ถึงบ้าน

“การที่ผมต้องชวนพี่หมูไปด้วยครั้งนั้น เพื่อเป็นพยานไม่ได้ไปจ่ายเงิน และไม่ได้ไปคุยเรื่องเคลียร์เงิน แต่ไปคุยว่าผลการสอบสวนการร้องเรียนโครงการต่างๆ ออกมาว่าผมไม่ผิดอะไร จึงไปถามว่าจะเรียกร้องอะไร นายศรีสุวรรณก็ไม่ได้ตอบหรือให้เหตุผลของการร้องเรียนแต่อย่างใด หลังจากนั้นผมเองและพี่หมูก็กลับบ้านยืนยันตนเป็นคนพุทธแขวนพระเต็มอก ไม่ได้โกหกอะไรแน่นอนจากนั้นนายศรีสุวรรณ ได้มาแถลงข่าวร้องเรียนเรื่องฝนหลวง และไม่ได้พบกันอีก มีเพียงภรรยาที่ไปพบเท่านั้น ยืนยันว่าการให้เงินนายศรีสุวรรณทุกครั้งนั้นเป็นการล่อซื้อที่ได้หารือกับตำรวจแล้ว”

ณัฏฐกิตติ์ กล่าวอีกว่า ด้วยความคับแค้นเจ็บใจ และความที่ตนเป็นคนหัวร้อน ตนกับภรรยาจึงวางแผนเพื่อไม่ให้ ร.อ.ธรรมนัส ต้องเดือดร้อน จึงจ้างทนายความมาสู้คดี ตายเป็นตาย ถ้าตนผิดก็ต้องถูกสอบสวน ซึ่งผลการสอบสวนก็ชี้ชัดว่าตนไม่ได้ทำผิด เมื่อนายศรีสุวรรณ ถูกจับทีมงานทราบภายหลัง ตนจึงโทรศัพท์ไปแจ้งให้ร.อ.ธรรมนัสทราบและขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยท่านก็ให้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายและให้กำลังใจตน

ในกรณี ที่มีนักการเมืองชื่อ ป.สั่งให้เงียบ นั้น ใครจะพูดอะไรตนไม่ทราบ ขอให้ฟังจากปากตนเท่านั้น หลังเกิดเรื่องมีใครโทรหาตนก็ไม่รับและไม่มีใครโทรหาภรรยาเช่นกัน ยืนยันได้ว่าโครงการต่างๆ ของกรมฯ นั้นตรวจสอบได้ทั้งหมด ทั้งนี้ไม่ทราบว่าทำไมตนถึงตกเป็นเป้า และไม่ทราบว่าเป็นการสกัดทางการเมืองหรือไม่

       ภาษิต“มีไฟย่อมมีควัน”มีความหมายว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมมีสาเหตุ ดังนั้น สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ไม่ว่าจะฝั่งนักร้องหรือผู้ถูกร้องต่างก็มีเหตุแห่งผลของเรื่องร้อนหูประชาชนในขณะนี้ ซึ่งเหตุที่ว่าคือ “พิรุธ”ซึ่งมีต้นเหตุมาจากเรื่องเงินๆทองๆที่เป็นงบประมาณแผ่นดิน