ออมสินลดดอกเบี้ยเงินกู้หนุนภาคธุรกิจรับทิศทางESG

ออมสินลดดอกเบี้ยเงินกู้หนุนภาคธุรกิจรับทิศทางESG

ออมสินลดดอกเบี้ยเงินกู้หนุนภาคธุรกิจรับทิศทาง ESG พร้อมชูแนวทาง CSV นำสังคมและสิ่งแวดล้อมเข้าไปใช้ในทุกภาคส่วนธุรกิจ จะสร้างผลกำไรที่ยั่งยืนให้กับทุกภาคธุรกิจ โดยปีนี้ ธนาคารจะมีผลกำไรจากแนวทางดังกล่าวสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 3 หมื่นล้านบาท

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสินกล่าวในหัวข้อ Green Market Blue Ocean ในงานสัมมนา GREEN ECONOMY LANDBRIDGE โอกาสทอง? จัดโดยฐานเศรษฐกิจ โดยระบุว่า ธนาคารพร้อมช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ต้องการประกอบธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยรายใดมีแผนธุรกิจในด้านดังกล่าว สามารถเข้ามาขอสินเชื่อต่อธนาคารได้ ซึ่งจะได้รับส่วนลดด้านอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำกว่าอัตราปกติ

เขากล่าวว่า ธนาคารจะใช้แนวทางการพิจารณาการให้สินเชื่อที่เรียกว่า ESG Score หากผู้ประกอบการรายใดได้คะแนนในด้านการทำธุรกิจเพื่อสังคมในระดับสูง ก็จะได้รับการลดอัตราดอกเบี้ย แต่หากรายใด ทำคะแนนได้น้อย เช่น อยู่ในระดับ 1-2 คะแนน เราก็จะทีมเข้าไปช่วยสนับสนุนแนวทางการส่งเสริมESG เมื่อธุรกิจสามารถทำได้ดีแล้ว เราก็จะปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยต่ำให้

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ธนาคารจะแบ่งประเภทธุรกิจที่ควรได้รับการปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน กับ ธุรกิจที่ไม่ได้รับการสนับสนุนสินเชื่อ โดยในฝั่งของธุรกิจที่ไม่ได้รับการปล่อยสินเชื่อ จะเป็นธุรกิจที่ไม่ให้ความสำคัญกับสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น ธุรกิจถ่านหิน เป็นต้น ส่วนธุรกิจที่ให้การสนับสนุน เช่น ธุรกิจที่ใช้พลังงานสะอาด การติดโซล่าเซลล์ หรือ หมู่บ้านที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม เราก็จะลดดอกเบี้ยให้พิเศษ เป็นต้น

เขาย้ำว่า ในระยะ 3 ปีกว่า ธนาคารได้ปรับเปลี่ยนจุดยืนในการทำธุรกิจมาเป็นธนาคารเพื่อสังคม โดยให้เรื่องของสังคมเป็นหนึ่งในแกนหลักของ ESG แต่ก็เน้นไปในเรื่องของ Net Zero ด้วย และนับจากนี้ ธนาคารได้ปรับเพิ่มจุดยืนในการทำธุรกิจเพื่อให้ธุรกิจมีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น โดยยึดแนวทาง CSV หรือ Creating Shared Value ซึ่งก็คือ การสร้างคุณค่าจากสินค้าหรือการให้บริการของธุรกิจให้กับสังคม โดยคำนึงถึงผลประกอบการที่ได้รับไปด้วย

“หลังจากที่ เราใช้จุดยืนในการทำธุรกิจ ESG ที่คำนึงถึง CSV ด้วยการกำหนดให้ทุกโปรดักส์ของธุรกิจธนาคาร นำเรื่องของสังคม และ สิ่งแวดล้อมใส่เข้าไปโดยไม่คำนึงถึงต้นทุน ทำให้ธนาคารมีผลประกอบการที่ดีขึ้นต่อเนื่อง คาดว่า ในปีนี้ ธนาคารจะมีกำไรสูงสุดที่กว่า 3 หมื่นล้านบาท”

 ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมอย่างเต็มรูปแบบทำให้ธนาคารมีลูกค้ากลุ่มฐานรากเพิ่มขึ้นเท่าตัวหรือจาก 1.4 ล้านคน เป็น 3.5 ล้านคน ในช่วงระยะเวลา 3 ปี โดยธุรกิจรายย่อยที่เราเข้าไปทำ เช่น จำนำทะเบียนรถยนต์ มีที่มีเงิน และเตรียมทำนอนแบงก์ เป็นต้น เมื่อเราขยายขอบเขตของฐานลูกค้าในกลุ่มดังกล่าว โดยลดดอกเบี้ยที่คิดลงมา อาจทำให้ธุรกิจมีกำไรน้อยลง แต่ด้วยฐานที่กว้าง ทำให้เรามีกำไรเพิ่มขึ้นด้วย

เขายังกล่าวถึงการสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชนด้วยว่า ในช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด ธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อฉุกเฉินแก่ประชาชนรายละ 1 หมื่นบาท จำนวนทั้งสิ้น 1.1 ล้านราย ในจำนวนนี้ ถือว่า ได้ถูกนำเข้าสู่แหล่งทุนระบบแล้ว โดยในส่วนที่สามารถชำระหนี้ได้ครบ ก็จะถือว่า เป็นผู้ที่มีเครดิต สามารถไปกู้ยืมเงินที่ไหนก็ได้ ในส่วนที่เป็นหนี้เสียราว 50%  ทางรัฐบาลก็จะออกมาตรการมาช่วยปลดภาระหนี้ให้ ดังนั้น ลูกหนี้เหล่านี้ ก็จะจะพ้นสภาพการเป็นหนี้เสีย สามารถเข้าสู่แหล่งทุนได้เช่นเดียวกัน