'กิตติรัตน์' ชูมาตรการด่วนแก้หนี้ครัวเรือน ฟื้นเชื่อมั่นตลาดทุน

'กิตติรัตน์' ชูมาตรการด่วนแก้หนี้ครัวเรือน ฟื้นเชื่อมั่นตลาดทุน

“กิตติรัตน์” ถกร่วมคลัง และตลาดทุน ฟื้นเชื่อมั่นหลังหุ้นตกแรงต่อเนื่อง เตรียมอัดฉีดมาตรการระยะสั้น พรุ่งนี้จ่อประกาศแก้หนี้ครัวเรือน ลดหนี้ กยศ.มากกว่า 50% พร้อมตั้งกองทุน ESG โมเดลคล้าย LTF ระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์หลักแสนล้านบาท พร้อมยืนยันไม่มี Short Sell ทุบหุ้น

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือ เรื่องสภาวะตลาดหุ้น โดยระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง สืบเนื่องจากฐานสูงในปีก่อน ประกอบกับการชะลอตัวของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และความกังวลของนักลงทุนต่อมาตรการภาครัฐที่อาจมองว่ายังไม่เห็นผลชัดเจน ส่งผลให้การประชุมครั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ตลาดทุนไทย โดยเน้นย้ำว่าภาครัฐให้ความสำคัญกับตลาดทุน และมีเป้าหมายผลักดัน GDP ให้เติบโตมากกว่าคาดการณ์

อย่างไรก็ดี ในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ย.66) จะมีความชัดเจนของแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจ 2 เรื่อง คือ แนวทางที่ 1  รัฐบาลจะประกาศข่าวดีเกี่ยวกับมาตรการแก้หนี้ครัวเรือน ผู้ที่มีหนี้ในกองทุนเงินให้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จะได้รับการปรับหนี้ให้เป็นไปตามข้อกำหนดในพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566 ที่มีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 20 มี.ค.2566 ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไม่เกิน 1% ต่อปี กรณีผิดนัดชำระจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเหลือไม่เกิน 0.5% ต่อปี และไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน

“เรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนคือ ในวันพรุ่งนี้หลัง 4 โมงเย็น จะมีการประกาศมาตรการแก้หนี้ครัวเรือน ที่ปัจจุบันสูงถึง 90% ของ GDP เป็นเรื่องที่รัฐบาลก่อนพยายามทำงานแต่อาจยังไม่เห็นผล โดยเราจะทำให้เห็นผลตามกฎหมาย ซึ่งจะทำให้หนี้เฉพาะในส่วนของ กยศ.ปรับลดมากกว่า 50% จากยอดหนี้ 1 ล้านล้านบาท ของจำนวนลูกหนี้ 3.8 ล้านคน”

นอกจากนี้ จะมีความชัดเจนของมาตรการแก้หนี้ส่วนของข้าราชการ ตำรวจ และครู ที่จะทำให้ลดหนี้ครัวเรือนได้มากขึ้น โดยรัฐบาลมั่นใจว่ามาตรการแก้หนี้เหล่านี้จะสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนที่มีต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไทยไม่น้อย และเชื่อมั่นว่าการปฏิบัติมาตรการเหล่านี้จะเป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว มากกว่าการใช้วิธีเร่งด่วนเดิมๆ อาทิ การนำกองทุนของรัฐเข้าไปช่วยลงทุนในตลาดทุนเพื่อแก้ไขปัญหา

\'กิตติรัตน์\' ชูมาตรการด่วนแก้หนี้ครัวเรือน ฟื้นเชื่อมั่นตลาดทุน

นายกิตติรัตน์ ยังกล่าวด้วยว่า แนวทางที่ 2 จัดตั้งกองทุน ESG เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน โดยในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ย.66) กระทรวงการคลังจะมีการหารือร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เพื่อออกกองทุนประหยัดภาษีรูปแบบใหม่ โดยเน้นเรื่องของ ESG ลงทุนในบริษัทหลักทรัพย์ที่ดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก โดยเบื้องต้นประเมินว่าจะมีมูลค่ากองทุนหลักแสนล้านบาท

“กองทุน ESG จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก ซึ่งเป้าหมายของการจัดตั้งกองทุนนี้ไม่ได้เพื่อแก้ไขปัญหาสภาวะตลาดหุ้นไทยที่กำลังตกแรง แต่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับตลาดทุนว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับตลาดทุน เป็นกองทุนลงทุนระยะยาว กระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาว และกองทุน ESG นี้ก็ยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้”

ขณะที่ประเด็นตลาดทุนไทยร่วงต่อเนื่องที่มีข่าวลือเรื่อง Naked Short Selling หรือการขายออกโดยผู้ที่ขายไม่ได้มีหุ้นในมือ ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ยืนยันว่าไม่มีการดำเนินการในเรื่องนี้ โดยจากการสอบถาม  ก.ล.ต. และ ตลท. มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรฐานสากล พร้อมยอมรับว่าในสายผู้ลงทุนใช้โปรแกรมซื้อขายมีความซับซ้อนมากขึ้น โดยตลาดทุนเตรียมขยับไปสู่มาตรฐานใหม่ในการยกระดับการป้องกัน

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กองทุน ESG จะมีลักษณะคล้ายกองทุน LTF เป็นกองทุนลงทุนระยะยาว แต่เน้นไปลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ผู้ซื้อหน่วยลงทุนสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งกระทรวงการคลังประเมินว่าการจัดตั้งกองทุนนี้จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน หลังการประชุมในวันพรุ่งนี้จะได้ความชัดเจนของรูปแบบกองทุนมากขึ้น

\'กิตติรัตน์\' ชูมาตรการด่วนแก้หนี้ครัวเรือน ฟื้นเชื่อมั่นตลาดทุน

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์