‘ฉางอาน’ ปักหมุดนิคมฯ WHA ตั้งโรงงานผลิต EV ในไทย

‘ฉางอาน’ ปักหมุดนิคมฯ WHA ตั้งโรงงานผลิต EV ในไทย

“ฉางอาน” ซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม WHA ตั้งโรงงานผลิต EV และแบตเตอรี่ในไทย เป็นโรงงานแห่งแรกนอกประเทศจีน ลงทุน 8 พันล้านบาท

รายงานข่าวจากบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ระบุว่า WHA และ บริษัท ฉางอาน ออโต้เซ้าท์อีส เอเชีย จำกัด มีกำหนดแถลงข่าวความร่วมมือการลงทุนรถยนต์ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในวันที่ 26 ต.ค.2566

โดยการแถลงข่าวครั้งนี้จะมี นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และนาย เซิน ซิงหัว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซ้าท์อีสเอเชีย จำกัด และกรรมการผู้จัดการ และประธานบริษัท บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด 

ทั้งนี้ โรงงานแห่งนี้จะเป็นฐานการผลิตแห่งแรกของอาเซียน ซึ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นด้านพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ฐานการผลิตดันศักยภาพอุตสาหกรรมยานยนต์บนทำเลขวานทอง สู่การก้าวสู่บทบาทใหม่ในการเป็นผู้นำศูนย์กลาง EV โลก

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ระบุว่า การลงทุนตั้งโรงงานผลิต EV ดังกล่าวมีมูลค่าการลงทุน 8,862 ล้านบาท โดยนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการ BOI ได้มอบบัตรส่งเสริมให้นายจู หัวหรง ประธานบริษัทฉางอาน ออโตโมบิล จำกัด ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน 

สำหรับการตั้งโรงงานดังกล่าวจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ทั้ง BEV PHEV REEV (Range Extended EV) และแบตเตอรี่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในประเทศและการส่งออก โดยเป็นการลงทุนขนาดใหญ่นอกประเทศจีนเป็นแห่งแรก

นอกจากนี้ ในการประชุม BOI เมื่อวันที่ 11 ต.ค.2566 อนุมัติให้การส่งเสริมโครงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่และรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสมเสียบปลั๊ก ของ บริษัทฉางอาน ออโตโมบิล จำกัด มูลค่าลงทุน 8,862 ล้านบาท มีกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) ปีละ 58,000 คัน และรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสมเสียบปลั๊ก (PHEV) ปีละ 36,000 คัน

ทั้งนี้ เมื่อเดือน ส.ค.2566 รัฐบาลจีนเห็นชอบให้ฉางอันยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอโดยมีการลงทุนในเฟสแรกมูลค่า 8,800 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาทั้งประเภท BEV, PHEV, REEV (Range Extended EV) กำลังการผลิตในระยะแรก 1 แสนคันต่อปี 

สำหรับการลงทุนดังกล่าวเพื่อตอบสนองความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยจะจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปยังกลุ่มอาเซียน รวมถึงออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อังกฤษ แอฟริกาใต้ และตลาดอื่นๆ