‘เศรษฐา’เร่งถกบอร์ด ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ขีดเส้น ต.ค.เคาะแหล่งเงิน 5.6 แสนล้าน

‘เศรษฐา’เร่งถกบอร์ด ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’  ขีดเส้น ต.ค.เคาะแหล่งเงิน 5.6 แสนล้าน

เศรษฐานั่งประธานคณะกรรมการเงินดิจิทัล ประชุมนัดแรกสัปดาห์นี้ เผยแหล่งเงิน 2 แนวทาง ออกกฎหมายกู้เงินหรือใช้เงินแบงก์รัฐ ยืนยันเริ่มแจก 1 ก.พ.ปีหน้า “จุลพันธ์” คาดปลายเดือนนี้ได้ข้อสรุป ยืนยันไม่ออก พ.ร.ก.กู้เงินปฏิเสธข่าวขยายเพดานหนี้ไปที่ 45% นายกฯติดตามค่าบาท

นโยบายการแจกเงินดิจิทัล 560,000 ล้านบาท เป็นนโยบายรัฐบาลที่ต้องการใช้ปลุกเศรษฐกิจในปี 2567 โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 3 ต.ค.2566 เห็นชอบตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลเตรียมออกนโยบายกระตุ้นการสร้างงาน และสนับสนุนทางการเงินแก่ครอบครัวที่มีรายได้น้อยรวมถึงกลุ่มเปราะ โดยมีเป้าหมายลดความยากจนในทุกช่วงวัยภายในปี 2570 รวมทั้งรัฐบาลมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า 

รวมถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตคนละ 10,000 บาท จะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 560,000 ล้านบาท เทียบเท่าการเติบโตของจีดีพี 5% ในปีหน้า และระยะยาวจะวางรากฐานสำหรับระบบการชำระเงินผ่านบล็อกเชนทั่วประเทศ ด้วยวินัยการเงินการคลังที่เข้มงวด

นายเศรษฐา ตอบคำถามประเด็นการจ่ายเงินดิจิทัลในเดือน ก.พ.2567 ได้ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างไร ว่า เมื่อวันที่ 2 ต.ค.2566 ได้หารือนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึงแผนระยะกลางและยาวเมื่อมีนโยบายออกมา ทั้งอันดับความน่าเชื่อถือ ประชาชนและนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งผู้ว่า ธปท.ให้คำแนะนำและเสนอแนวทางว่ารัฐบาลควรทำอย่างไร และรัฐบาลได้น้อมรับ รวมถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังคลังและปลัดกระทรวงการคลังจะนำสิ่งที่หารือไปพิจารณาด้วย

ส่วนกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินในอนาคต นายเศรษฐา กล่าวว่า “มั่นใจว่าสถานภาพการเงินการคลังของเรายังแข็งแรง”

รายงานข่าวระบุว่า รัฐบาลยังไม่สรุปแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งขณะนี้มี 2 แนวทางที่ถือเป็นภาระหนี้ที่สถาบันจัดอันดับเครดิตให้ความสำคัญ ประกอบด้วย

1.การกู้เงินโดยออกกฎหมายเงินกู้ ซึ่งต้องอธิบายเหตุผลของความจำเป็นในการใช้เงินให้ได้ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะ

2.การใช้แหล่งเงินจากธนาคารรัฐ ซึ่งรัฐบาลต้องเพิ่มเพดานวงเงินตามมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561 โดยเพิ่มจาก 32% เป็น 45 % พร้อมตั้งงบประมาณชดเชยให้สถาบันการเงินให้ชัดเจนในแต่ละปี

ครม.ตั้งคณะกรรมการเงินดิจิทัล

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ครม.เห็นชอบตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยจะเป็นเหมือน ครม.ชุดย่อยที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งจะเริ่มประชุมสัปดาห์นี้ เพื่อหาข้อสรุปรายละเอียดโครงการและแหล่งเงินให้ได้ภายในเดือน ต.ค.2566 และมีเป้าหมายเร่ิมแจกเงินวันที่ 1 ก.พ.2567

สำหรับโครงสร้างกรรมการมี รองประธาน 4 คน คือ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ , นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ , นายอนุทินชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย , นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)

ส่วนกรรมการ ได้แก่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง , นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง , ปลัดกระทรวงดีอีเอส , ปลัดกระทรวงมหาดไทย , ปลัดกระทรวงพาณิชย์ , ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นกรรมการและเลขานุการ 

ผู้ว่าการ ธปท. , เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) , ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา , อัยการสูงสุด และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ทั้งนี้ มีอำนาจหน้าที่ครอบคลุมการพิจารณาแนวนโยบาย กรอบงบประมาณ แหล่งที่มางบประมาณ กลไกการดำเนินการ รวมถึงติดตามและตรวจสอบปัญหาและอุปสรรคนโยบาย กลไกป้องกันการทุจริต และการสรุปผลสัมฤทธิ์โครการ เพื่อรายงาน ครม.รับทราบ

รวมทั้งนายกรัฐมนตรีนัดประชุมนัดแรกในวันที่ 5-6 ต.ค.2566 โดยนายกรัฐมนตรีจะมอบนโยบาย รวมถึงตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบาย ที่มีนายจุลพันธ์เป็นประธาน รวมถึงนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะร่วมขับเคลื่อน โดยมีหน้าที่รวบรวมประเด็นเสนอคณะกรรมการชุดใหญ่เห็นชอบรายละเอียดทุกมิติที่เป็นคำถามของสังคม

ส่วนประเด็นจะขัด พ.ร.บ.เงินตรา หรือไม่ นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า ไม่ขัดต่อกฎหมายหลังหารือ ธปท.เบื้องต้นแล้ว โดยรัฐบาลจะนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ เพราะเป็นกลไกที่ปลอดภัยตรวจสอบได้ ซึ่งขณะนี้ไม่มีเทคโนโลยีที่โปร่งใสเท่านี้อีกแล้ว

ยังไม่สรุปขยายเพดานหนี้

ขณะที่ข้อกังวลงบประมาณโครงการหลังมีแนวคิดเพิ่มเพดานหนี้ตามมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ให้เป็น 45% เพื่อให้มีช่องวางทางการเงินการคลังมาใช้ ซึ่งนายจุลพันธ์ ปฏิเสธว่า ไม่มีและไม่รู้ว่าข่าวมาจากไหน รัฐบาลยึดมั่นกรอบวินัยการเงินการคลัง และเราทำให้ดีที่สุด โดยรัฐบาลยืนยันการดำเนินมาตรการนี้ไม่ได้มีปัญหาด้านแหล่งเงินที่จะนำมาใช้สำหรับดำเนินโครงการ และสามารถจะจัดทำโครงการออกมาได้

“แนวทางการเพิ่มเพดานหนี้เป็นอีกทางเลือกที่ต้องหารือในคณะอนุกรรมขับเคลื่อน ซึ่งจะมีทางเลือกต่างๆ ออกมาก่อนสรุปเสนอคณะกรรมการชุดใหญ่ที่มีนายกฯ เป็นประธานพิจารณา”

‘เศรษฐา’เร่งถกบอร์ด ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’  ขีดเส้น ต.ค.เคาะแหล่งเงิน 5.6 แสนล้าน

ส่วนข้อกังวลเงื่อนไขรัศมีการใช้เงินดิจิทัล 4 กิโลเมตร ในเบื้องต้นการขยายรัศมีเป็นไปได้สูง แต่สุดท้ายจะมีคณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณาอนุมัติ ซึ่งรัฐบาลได้รับเสียงสะท้อนให้ขยายรัศมีการใช้เงินให้ครอบคลุมมากขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากขึ้น

ประชาชนได้ประโยชน์ถ้วนหน้า

สำหรับประเด็นเงินเฟ้อจากการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เห็นว่ามาตรการนี้จะไม่กันใครออกจากระบบ โดยจะได้รับประโยชน์ทั้งผู้อยู่ในระบบภาษีและไม่อยู่ในระบบภาษี โดยรัฐบาลรับทราบข้อกังวลนี้และจะจูงใจให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบชุมชน ทั้งการกำหนดกรอบระยะเวลา 6 เดือน และพื้นที่ในการใช้เงินดิจิทัล

"การดำเนินนโยบายครั้งนี้จะเกิดประโยชน์กับประชาชนแน่นอน และหากใช้หลายมาตรการรวมกัน เช่น มาตรการพักหนี้ จะทำให้เกษตรกรมีเงินซื้อปัจจัยการผลิต”

รวมทั้งประเด็นการประเมินความเสี่ยงที่เคยมีบทเรียนจากโครงการรถคันแรก นายจุลพันธ์ กล่าวว่า กระทรวงการคลังไม่ได้ประเมินถึงขนาดนั้น โดยที่ผ่านมาได้ดูอย่างรอบคอบรัดกุม และเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์และเดินหน้ากระจายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และหากมีข้อทุจริตคณะกรรมการก็ต้องรับผิดชอบ

นายกฯสั่งเฝ้าระวังบาทอ่อนแรง

นายเศรษฐา กล่าวถึงสถานการณ์เงินบาทอ่อนค่าหลุดระดับ 37 บาทต่อดอลลาร์ ว่า เป็นเรื่องต้องเฝ้าระวัง แต่การไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงค่าเงินคงไม่มี ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาด

ทั้งนี้การที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าไม่ได้มีผลเสียทั้งหมด เพราะการส่งออกวันนี้มีสัดส่วนที่มากว่า 50% ของจีดีพี ส่วนการท่องเที่ยวมีสัดส่วน 20% ของจีดีพี ก็ได้รับบอานิสงส์ในเชิงบวกแต่ต้องดูให้เหมาะสม ซึ่ง ธปท.ก็ดูแลและติดตามเรื่องนี้

“ราคาน้ำมันเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเรานำเข้าน้ำมันจำนวนมากก็ต้องหาและใช้พลังงานทดแทน รวมถึงต้องใช้แผนระยะยาวในการแก้ไขปัญหาเรื่องแหล่งพลังงาน”

นายกฤษฎา ตอบคำถามประเด็นเงินบาทอ่อนค่าตามสัญญาณนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ว่า “ตอนนี้รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไรเลย และเรื่องค่าเงินบาทนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลอยู่ มั่นใจว่าดูแลได้”

“คลัง”ยืนยันบาทอ่อนตามภูมิภาค

นายจุลพันธุ์ กล่าวว่า มองว่านโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจโครงการนี้ของรัฐบาลไม่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า โดยเงินบาทที่อ่อนค่าขณะนี้มาจากค่าเงินในต่างประเทศ รวมทั้งค่าเงินดอลลาร์ของสหรัฐแข็งค่ามาก ทำให้ค่าเงินบาทและสกุลเงินอื่นอ่อนค่า และ ธปท.ดูแลอยู่แล้ว

ส่วนเงินเฟ้อไม่กังวลว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจจะทำให้เกิดเงินเฟ้อ และระดับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นช่วงที่ผ่านมาเป็นเพราะราคาน้ำมันและราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นช่วงมีสงครามยูเครน-รัสเซีย ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นช่วงนั้นก่อนที่จะชะลอตัวลง ดังนั้นมองว่านโยบายนี้ไม่ทำให้เกิดเงินเฟ้อกระทบเศรษฐกิจระยะต่อไป

“นโยบายรัฐบาลจะสร้างพายุทางเศรษฐกิจให้เกิดการหมุน โดยไม่ใช่แค่หมุนอยู่ในตัวเมืองใหญ่ แต่ต้องการให้หมุนอยู่ทั่วประเทศ จะมีทั้งขนาดกลาง ขนาดย่อม ซึ่งจะเกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจตามมา โดยนายกรัฐมนตรีตั้งเป้าหมายให้เศรษฐกิจโตอย่างต่ำ 5% ผ่านกลไกของเงินดิจิทัลที่เป็นเพียงกลไกหนึ่ง และยังมีกลไกอื่นที่จะมาบวกอีกตามแผนควิกวินของรัฐบาล”