‘โฮปเวลล์’ จ่ออุทธรณ์ศาลสูงสุด สู้คดีค่าโง่ 2.7 หมื่นล้าน ‘หมดอายุความ’

‘โฮปเวลล์’ จ่ออุทธรณ์ศาลสูงสุด สู้คดีค่าโง่ 2.7 หมื่นล้าน ‘หมดอายุความ’

การรถไฟฯ เผยศาลปกครองกลางพิพากษาให้ชนะคดี “โฮปเวลล์” ปมขาดอายุความ ลุ้นไทยไม่ต้องจ่ายเงินชดเชย 2.7 หมื่นล้านบาท ขณะที่ทนายโฮปเวลล์เตรียมชงผู้บริหาร เคาะยื่นอุทธรณ์สู้คดีในศาลสูงสุด

หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดให้ชดเชยความเสียหายตามคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ รวม 27,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2562 ได้มีความพยายามจากภาครัฐในการขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ ซึ่งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มอบหมายให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ทำงานร่วมกับกระทรวงคมนาคม เพื่อหาช่องทางการยื่นขอพิจารณาคดีใหม่

รวมทั้งผู้ตรวจการแผ่นดินได้ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาในประเด็นการนับอายุความ โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5:2 สรุปว่าการนับอายุความคดีโฮปเวลล์ขัดรัฐธรรมนูญ

การพิจารณาคดีใหม่ได้เข้าสู่กระบวนการศาลปกครองกลาง โดยเมื่อวันที่ 18 ก.ย.2566 ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษาคดีระหว่างกระทรวงคมนาคมกับพวกรวม 2 คน (ผู้ร้อง) กับ บริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด (ผู้คัดค้าน) ในคดีพิพาทเกี่ยวกับเรื่องที่มีกฎหมายกำหนดให้อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครอง (คำขอพิจารณาคดีใหม่)

ศาลปกครองกลางได้วินิจฉัยว่าการที่ผู้คัดค้าน (โฮปเวลล์) ได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาเมื่อวันที่ 30 ม.ค.2541 จึงมีสิทธิที่จะเสนอข้อพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการได้อย่างช้าที่สุดภายในวันที่ 30 ม.ค.2546 แต่ผู้คัดค้านยื่นคำเสนอข้อพิพาท เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2547 จึงพ้นระยะเวลา 5 ปีนับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการเสนอข้อพิพาทตามมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ พ.ศ.2542 ที่แก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวไป 1 ปี 9 เดือนเศษ สิทธิเรียกร้องของผู้คัดค้านจึงขาดอายุความตามกฎหมาย

ทั้งนี้ ศาลปกครองกลางมีคำพาพากษาให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ และมีคำสั่งปฏิเสธไม่รับบังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ กับให้คำสั่งศาลที่ให้งดการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดไว้ในระหว่างพิจารณาคดีใหม่มีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด หรือจนกว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ศาลปกครองกลางได้พิพากษาในคดีที่มีคำขอพิจารณาคดีใหม่ คดีที่กระทรวงคมนาคม และ ร.ฟ.ท. ฟ้องขอเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการกรณีข้อพิพาทในคดีโฮปเวลล์ ในประเด็นคดีขาดอายุความ แต่อย่างไรก็ดี ร.ฟ.ท.ขอพิจารณาข้อมูลในคำพิพากษาอย่างละเอียด ก่อนรายงานกระทรวงคมนาคม ซึ่งเบื้องต้นตามขั้นตอนทราบว่าทางโฮปเวลล์ยังสามารรถยื่นอุทธรณ์คดีนี้ไปยังศาลปกครองสูงสุดได้

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า คำพิพากษาของศาลปกครองกลางในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าความพยายามรื้อฟื้นคดีข้อพิพาทโครงการโฮปเวลล์ของกระทรวงคมนาคมเป็นผลแล้ว เพราะประเด็นคดีขาดอายุความศาลปกครองกลางเห็นด้วย เนื่องจากขัดต่อข้อกำหนดทางกฎหมาย ซึ่งผลของประเด็นนี้จะทำให้ท้ายที่สุดกระทรวงคมนาคม และ ร.ฟ.ท.ไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยจำนวน 27,000 ล้าน ตามที่ศาลปกครองสูงสุดเคยพิพากษาไว้ก่อนหน้านี้

“โฮปเวลล์” เตรียมยื่นอุทธรณ์

นายสุภัทร ติระชูศักดิ์ ฝ่ายกฎหมาย บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า คำพิพากษาของศาลปกครองกลางในครั้งนี้ สอดคล้องไปกับความเห็นของตุลาการที่เคยให้ไว้ในการพิจารณาคดีครั้งแรก ซึ่งมีประเด็นของการพิจารณาคดีขาดอายุความ รวมทั้งองค์ประกอบของการตีความด้านกฎหมายอีกหลายเรื่อง โดยเบื้องต้นจะรายงานคำพิพากษาคดีครั้งนี้ให้ฝ่ายบริหารของทางโฮปเวลล์ เพื่อพิจารณาว่าจะยื่นอุทธรณ์ศาลปกครองสูงสุดอย่างไร

“การพิจารณาคดีในครั้งนี้ก็มีหลายปัจจัย โดยตุลาการผู้แถลงคดีได้ให้ความเห็นไว้หลายเรื่อง หนึ่งในนั้นก็มีเรื่องคดีขาดอายุความ ซึ่งหลังจากนี้ขอปรึกษากับทางโฮปเวลล์ก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่ตามขั้นตอนทางกฎหมายแล้วก็ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ไปยังศาลปกครองสูงสุดได้” นายสุภัทร กล่าว

ลุ้นรัฐอาจไม่จ่ายค่าโง่ 2.7 หมื่นล้าน

รายงานข่าวระบุว่า ความเห็นของตุลาการผู้แถลงคดีเมื่อวันที่ 30 ส.ค.2566 ได้มีความเห็นเกี่ยวกับประเด็นของอายุความ ที่อาจขัดต่อข้อกำหนด เพราะมีหลักฐานแสดงให้เห็นว่า หากนับอายุความเมื่อศาลปกครองเปิดทำการ ที่กำหนดว่าคดีข้อพิพาทก่อนจัดตั้งศาลปกครองนั้น จะต้องยื่นมายังตุลาการภายใน 1 ปี หลังจัดตั้งศาล และมีอายุความไม่เกิน 10 ปี แต่กลับพบว่าคดีโฮปเวลล์นี้ได้มายื่นคำร้องต่อศาลล่าช้ากว่ากำหนด

โดยตุลาการพิจารณาประเด็นนี้แล้วพบว่า หากนับตั้งแต่วันที่ตั้งศาลปกครองในวันที่ 11 ต.ค.2542 จะต้องยื่นคดีต่อศาลภายใน 1 ปี ครบกำหนดในวันที่ 11 ต.ค.2543 แต่กลับพบว่าทางโฮปเวลล์ได้ยื่นคดีนี้ต่อตุลาการวันที่ 24 พ.ย.2547 ล่าช้าถึง 4 ปี ทำให้สิทธิในการฟ้องคดีไม่เป็นผลตามกฎหมาย

อย่างไรก็ดี ตุลาการได้มีความเห็นในการพิจารณาข้อพิพาทครั้งนี้ด้วยว่า

1.ควรเพิกถอนตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการที่พิจารณาไปก่อนหน้านี้

2.ยกเลิกคำร้องของผู้ร้องคดีทั้งสอง

3.ให้คำสั่งศาลงดบังคับคดีที่เคยพิจารณาไปก่อนหน้านี้ โดยให้มีผลใช้ในช่วงระยะเวลาที่ยังมีการอุทธรณ์คดี หรือจนกว่าศาลจะมีคำตัดสิน

ทั้งนี้ หากข้อพิพาทสิ้นสุดและศาลปกครองพิจารณาตามความเห็นของตุลาการ ก็จะมีผลทำให้คดีเรียกร้องค่าเสียหายจากการยกเลิกสัญญาโฮปเวลล์นั้นไม่เป็นผล เพราะถือว่าขาดอายุความ ส่งผลให้กระทรวงคมนาคม และ ร.ฟ.ท.ไม่ต้องชดเชยค่าเสียหายจากกรณียกเลิกสัญญาก่อสร้างโครงการวงเงิน 27,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินต้นตามที่คณะอนุญาโตตุลาการวินิจฉัยชี้ขาดไว้ที่ 11,888 ล้านบาท รวมอัตราดอกเบี้ย 7.5% ต่อปีหรือเกิดขึ้นเฉลี่ยวันละ 2.4 ล้านบาท นับจากวันที่คณะอนุญาโตตุลาการตัดสินในปี 2551