‘เศรษฐา’ คาดวีซ่าฟรีจีนโกย 3.5 หมื่นล้าน

“เศรษฐา” ลั่นเป็นนายกฯ ไม่มีสิทธิเหนื่อย รับการตัดสินใจเร็วในภาครัฐบาลเป็นบทเรียน แจง ที่มาฉายา “เศรษฐา หาร 2” เชื่อ ภาคราชการมีความสามารถ ชี้ ฟรีวีซ่าจีนแต่ยังเข้มทุนสีเทา ตั้ง KPI ด้านความมั่นคง ต้องไม่มีเรื่องนี้ จ่อ คุยอินเดียฟรีวีซ่าสิ้นปีนี้

นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเศรษฐา ทวีสิน ร่วมเสวนา “Thairath Forum 2023”  ภายใต้หัวข้อ “Future Perfect เปิดมุมคิด พลิกอนาคต” โดยมีรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ร่วมงานด้วย

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสไตล์การทำงานว่า ปกติตนเองเป็นคนที่ทำเร็ว ตัดสินใจเร็ว กระชับ มีหน่วยงานน้อยกว่า แต่เมื่อมาภาครัฐ มีหน่วยงานมากขึ้น จึงต้องมองให้กว้างขึ้น หากตัดสินใจอะไรเร็วไปก็เกิดความไม่เหมาะสม ซึ่งถือเป็นบทเรียน และต้องปรับตัวให้ได้ โดยจะนำปัญหาประชาชนมาเป็นตัวตั้ง ถ้าหากมัวแต่รอคอยก็จะใช้เวลานาน ดังนั้น อะไรที่ทำได้ก่อนก็จะทำ อะไรที่เป็นความหวังของประชาชนก็จะทำ เช่น การประชุม ครม. ที่ผ่านมา ได้ปรับลดราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งยังมีน้ำมันเบนซินที่ต้องเร่งดำเนินการ รวมถึงการลดค่าไฟ เนื่องจากขณะนี้ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติแล้ว 4.10 บาทต่อหน่วย และภาคอุตสาหกรรมเรียกร้องให้ลดอยู่ที่ 4.25 บาทต่อหน่วย วันนี้จึงสั่งการให้เจรจาต่อเพื่อให้มีการปรับลดลงอีก อาจจะลดลงเหลือ 3 บาทต่อหน่วยได้ยิ่งดี

ส่วนสไตล์การทำงานของนายเศรษฐา เมื่อสมัยยังบริหารภาคเอกชน ได้รับฉายาว่า “เศรษฐา หาร 2” ในการบริหารงานราชการจะยังคงวิธีการเดียวกันนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า ข้าราชการเป็นภาคส่วนที่สามารถ และตอบรับคำสั่งของรัฐบาลได้ดี ตรงนี้ขึ้นอยู่กับความคาดหวัง หรือสิ่งที่ผู้นำอยากเห็น ว่า ข้าราชการจะทำได้หรือไม่ เช่น นโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว ที่ได้มอบนโยบายให้ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดำเนินการ และได้คำตอบว่าจะเร่งภายในไตรมาส 4 ซึ่งพูดกันด้วยเหตุและผล และสามารถอธิบายได้ด้วยหลักเหตุผล และต้องทำให้ดีกว่าสิ่งที่เป็นอยู่ปัจจุบัน จะมากจะน้อยก็ต้องขึ้นอยู่กับเหตุและผล องค์ประกอบหลายภาคส่วน เชื่อทุกฝ่ายตระหนักถึงเป้าหมาย แต่ยืนยันว่า รัฐบาลจะดูแลทั้งระบบ รวมถึงนโยบายวีซ่าฟรี ที่ได้เร่งดำเนินการพูดคุยกับหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง พร้อมตระหนักถึงความกังวลของประชาชน ที่ถือเป็นเรื่องของความมั่นคง ตลอดจนการเพิ่มเที่ยวบิน ที่ได้คุยกับทุกสายการบิน เมื่อให้วีซ่าฟรีแล้วก็จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ซึ่งหลายภาคส่วนให้การตอบรับ เช่น การบินไทยที่จะนำอากาศยานลำตัวกว้างมาใช้ พร้อมตั้งเป้าเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนจากนโยบายฟรีวีซ่าที่จะเข้ามาในช่วงไฮซีซัน ประมาณ 35,000 ล้านบาท

 

ส่วนวีซ่าฟรีกับนักท่องเที่ยวอินเดีย ขณะนี้ยังไม่ได้อนุมัติ เนื่องจากยังติดปัญหาขั้นตอนการขอวีซ่าที่ง่าย และสะดวก และเที่ยวบินที่ประเทศอินเดีย ยังไม่เปิดเข้ามาเยอะ เพราะเป็นนโยบายภายในประเทศ และสายการบินของประเทศอินเดีย อยู่ระหว่างขั้นตอนการสั่งเครื่องบินอย่างมโหฬาร หากเปิดเที่ยวบิน และให้การบินไทยบินก่อน ก็จะให้การบินไทยเข้าไปเจรจาเรื่องที่จอดไว้ก่อน ซึ่งต้องต่อรองกันนิดหน่อย และก่อนสิ้นปีคาดว่าจะได้ไปพูดคุยกับผู้นำสูงสุดของอินเดียในเรื่องนี้ด้วย เนื่องจากนักท่องเที่ยวอินเดียเป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายสูง แต่แท้จะทำเรื่องวีซ่าฟรีไม่ได้ แต่ยังมีกลุ่มอินเดียที่นิยมเข้ามาในไทย เพื่อจัดงานแต่งงานกันมาก ซึ่งใช้เงินกันคนละหลายสิบล้าน มีอัตราการอย่าที่ต่ำมาก นั่นแปลว่า การแต่งงานหนึ่งครั้งจะใช้เงินอย่างมหาศาล และแขกที่มาร่วมงานจะมีเครื่องประดับเพชร จิวเวลรี่ที่จัดเต็ม และเกี่ยวโยงถึงการเสียภาษี เรื่องนี้จึงได้พูดคุยกับข้าราชการกระทรวงการคลัง ปัญหาเล็กน้อยหากยกเว้นได้ในระหว่างที่รอนักท่องเที่ยวอินเดียเข้าประเทศ หากเอื้อได้ก็สามารถให้กลุ่มนักท่องเที่ยวอินเดียสามารถนำเข้าเครื่องเพชรได้ 

ขณะที่ปัญหาทุนจีนสีเทา จะทำควบคู่ไปกับวีซ่าฟรี ซึ่งฝ่ายความมั่นคงตระหนักเรื่องนี้ดี และต้องบริหารจัดการกันไป ปัญหาเก่าก็ต้องค่อยสะสางกันไป 

นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงถึงนโยบายเศรษฐกิจว่า อะไรที่ทำได้ก็จะเร่งดำเนินการ เช่น พักหนี้เกษตรกร ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ให้คำแนะนำว่ารัฐบาลยังไม่มีนโยบายระยะยาว ซึ่งก็ต้องพิจารณา และในการประชุม ครม. ครั้งต่อไปได้สั่งการให้เร่งดำเนินการแล้ว โดยเฉพาะการลดหนี้ ลดค่าไฟ ลดค่าน้ำมัน ถือเป็นการลดรายได้ประชาชน ซึ่งนโยบายระยะสั้นที่จะต้องเร่งทำคือ ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท รวมถึงจะพิจารณาระยะทางการใช้ ที่ส่วนตัวไม่อยากให้เกินรัศมี 4 กิโลเมตร เพื่อให้กระจายรายได้ในชุมชน นอกจากนี้ ประเภทสินค้าก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะพิจารณา หากเร่งดำเนินการได้ภายใน 1 กุมภาพันธ์ นี้ เม็ดเงินที่จะเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น การผลิต การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น เพื่อยกระดับจีดีพีของประเทศให้โตขึ้น และจะเร่งดำเนินการอย่างชัดเจน

ส่วนจะตั้งเป้าอย่างไรนั้น ส่วนตัวมองว่า ทุกอย่างไม่อยากลอกการบ้านรัฐบาลที่ผ่านมา ดังนั้น ก็ต้องไปเปิดประเทศ เปิดตลาดให้ได้มากขึ้น พร้อมมองว่า ประเทศไทยมีความพร้อมหลายอย่างเทียบเท่ากับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ท่าเรือ สนามบิน กฎหมาย ความเข้มแข็งของภาคเอกชน และอีกเรื่องที่ไม่ค่อยถูกพูดถึงคือ ความเป็นอยู่ของชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในไทย ที่เรามีศูนย์สุขภาพระดับโลก รวมถึงมีโรงเรียนนานาชาติรองรับเป็นอย่างดี

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงนโยบายค่าแรงขั้นต่ำว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ทั้งระยะเวลา ตัวเลข เชื่อช่วงสิ้นปีนี้จะยกระดับขึ้นมาอย่างแน่นอน เพราะขณะนี้ภาคแรงงานบางส่วนก็เริ่มปรับค่าแรงขึ้นบ้างแล้ว หวังว่าจะเพิ่มได้ถึง 400 บาทต่อวัน โดยจะพยายามทำให้ภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรมมีช่องทางการตลาดที่ดีขึ้น รัฐบาลจะได้ประกาศตัวเลขได้อย่างมั่นใจ และเพื่อให้การสั่งการทุกนโยบายเป็นไปอย่างเหมาะสม โดยจะต้องพิจารณาควบคู่กับงบประมาณด้วย พร้อมย้ำว่า ไม่ลืมสิ่งที่พูดไป แต่ยอมรับว่า พึ่งเข้ามารับตำแหน่ง ยังไม่ทราบกระบวนการ งบประมาณ และกลไกต่างๆ แต่จะพยายามเรียนรู้ เข้าใจระบบราชการให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะทำร่วมกับข้าราชการได้อย่างสบายใจ

ส่วนนโยบาย รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่เคยประกาศไว้ว่า หากพรรคเพื่อไทยได้แลนด์สไลด์จะทำได้ภายใน 3 เดือนนั้น นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า หากจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือนอาจจะยาก เพราะปัญหาสะสมมานาน ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องให้ภาคเอกชน การเชื่อมต่อ การใช้ตั๋วใบเดียว แต่ยืนยันว่า จะเริ่มทำงานอย่างทันที

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการใช้ห้องทำงานของนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ตั้งแต่เข้าทำเนียบรัฐบาล นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ประมาณ 10 วินาที ตามคำแนะของซินแส จากนั้นเดินไปตามโต๊ะต่างๆ ซึ่งจะพยายามปรับโต๊ะทำงานให้ดูเข้าถึงง่ายมากขึ้น เพราะมองว่า หากจัดเป็นโต๊ะทำงานอย่างทางการ หรือเป็นห้องกระจก อาจจะดูไม่เป็นมิตร  

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการเตรียมรับมือกับภัยแล้งว่า มีแนวคิดที่จะให้ปลูกพืชน้ำน้อย แต่ก็ไม่ทราบว่าเกษตรกรจะยอมทำตามหรือไม่ รวมถึงต้องบริหารจัดการน้ำให้ดี โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสาน ตลอดจนการลอกคลอง ลอกบ่อชลประทาน ซึ่งได้ประสานกับกองทัพ เพื่อขอกำลังมาช่วยป้องกันภัยแล้งที่จะเกิดขึ้น 

สำหรับการแก้ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำ ที่เคยไปพูดในงาน วปอ.นั้น เชื่อว่าข้อความที่พูดออกไปนั้นชัดเจนแล้ว และมองว่า วปอ. เป็นสถาบันที่ดี เป็นหลักสูตรที่ควรมี เพราะมีการรวมหลายภาคส่วนเข้าด้วยกัน แต่การใช้ความสัมพันธ์ในทางที่ถูกต้องก็เป็นเรื่องสำคัญ หากหลายคนมีความประพฤติที่มากเกินไป ในสายตาเด็กและเยาวชนอาจจะมองเป็นเรื่องใหญ่ การใช้ทรัพยากรของรัฐต้องคำนึงให้ดี หน้าที่ ความรับผิดชอบมีความหมายที่ใหญ่โต เป็นที่จับตามองของคนรุ่นหลัง อย่าคิดว่าไม่มีใครมองเห็น พร้อมย้ำว่า ไม่ได้ด้อยค่าสถาบัน ส่วนตัวเป็นคนพูดตรง เพราะถือเป็นตัวตนของตัวเอง และพยายามทำอะไรให้ลดความขัดแย้ง แต่เหนือสิ่งอื่นใดการสื่อสารต้องชัดเจน ซึ่งพยายามปรับตัวอยู่ 

ส่วนที่มีภาพว่าตนเองไปร่วมรับประทานอาหารกับนักธุรกิจชั้นนำของไทยนั้น ยืนยันว่า บนโต๊ะอาหารวันนั้นไม่มีใครพูดถึงเรื่องผลประโยชน์กับตัวเอง ทุกคนน่าจะให้เกียรตินายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย มีแต่พูดว่า จะทำอย่างไรให้ประเทศดีขึ้น รวมถึงการเดินทางไปที่จังหวัดเชียงใหม่ และได้เข้าพูดคุยกับอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนเองจะพยายามหาข้อมูลให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อมาบริหารประเทศ ไม่ให้ทุกคนผิดหวัง และจะไม่ทำให้ถูกมองว่าเอื้อประโยชน์ให้ใคร จะทำงานบนความคาดหวังของสังคม และประสบการณ์ที่มีอยู่

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศมหาอำนาจสหรัฐ - จีน ว่า รัฐบาลนี้คำนึงว่า เราเป็นประเทศเล็ก เป็นที่หมายปองของนานาชาติ เรามีศักดิ์ศรีที่ต้องคงไว้ มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศมหาอำนาจ ดังนั้น ต้องไม่เอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง ส่วนความชัดเจนเรื่องการเมืองในการประชุมระดับโลก หลังจากนี้ก็จะพยายามทำชัดเจนให้มากขึ้น แต่จะไม่ให้เกิดผลกระทบกับประเทศ เพราะหลายเรื่องมีความละเอียดอ่อน 

ส่วนกรณีที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโจ ไบเดน เดินทางเยือนประเทศเพื่อนบ้าน แต่ไม่เยือนประเทศไทยนั้น นายกรัฐมนตรี มองว่า ไม่ขอมองย้อนหลัง หน้าที่ในฐานะผู้นำสูงสุดของประเทศ ไม่อยากมองแค่ว่า “ทำไมเขาไม่มา” และวันนี้จะไปภารกิจต่างประเทศ จะออกไปพูดคุยกับผู้นำในหลายประเทศให้มากขึ้น รวมถึงจะเชิญให้นักลงทุนเข้ามาประเทศไทยให้ได้มากที่สุด ซึ่งต้องบริหารจัดการเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องละเอียด

นายกรัฐมนตรี ยังยกเรื่องการเกษตรของไทยที่สามารถไปถึงระดับโลกได้ รวมถึงวัฒนธรรม ซอฟต์พาวเวอร์ของไทยที่มีเยอะมาก และต้องนำไปขยายสู่ตลาดโลกให้ได้

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์