หอการค้าไทยชี้ไม่ควรแจกเงิน 'ดิจิทัล' แบบหว่านแห

นโยบายที่ใช้หาเสียงอย่างแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท มาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจแบบทันทีในหลักการสามารถทำได้ แต่ต้องประเมินผลความคุ้มค่าในแง่เศรษฐกิจให้ชัดเจน และรอบด้าน เพราะเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณมหาศาล

สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ระบุว่า หากตั้งรัฐบาลสำเร็จจำเป็นต้องมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทันที เช่น นำเอานโยบายที่ใช้หาเสียงอย่างแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท มาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจแบบทันทีในหลักการสามารถทำได้ แต่ต้องประเมินผลความคุ้มค่าในแง่เศรษฐกิจให้ชัดเจน และรอบด้าน เพราะเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณมหาศาล

อย่างไรก็ตาม หอการค้าไทยมีข้อคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าว ดังนี้ 1.การอัดฉีดเม็ดเงินไปยังกลุ่มผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป น่าจะอยู่ราวๆ 50 ล้านคน หากใช้เงิน 10,000 บาทต่อคน จะต้องใช้งบประมาณราว 500,000 ล้านบาท ซึ่งหากเงินถึงมือประชาชนโดยตรง จะทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย และกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว

“หอการค้าฯ ประเมินว่า เม็ดเงินทุกๆ 100,000-150,000 ล้านบาท จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 1% ดังนั้น นโยบายนี้น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เพิ่มขึ้นได้ประมาณ 2.5-3% เกิดเม็ดเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจ 3-4 รอบ แต่นโยบายนี้ ยังมีข้อเป็นห่วงจากหลายฝ่าย ทั้งในเรื่องที่มาของแหล่งงบประมาณ จะกระทบต่อฐานะการคลังเพียงใด ซึ่งจะต้องมีความชัดเจนในส่วนนี้”

นอกจากนี้ หอการค้าไทยขอให้พิจารณาแนวทางการใช้นโยบายสนับสนุน และจูงใจผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษีให้ถูกต้องมากขึ้น เพราะร้านค้าขนาดกลาง และขนาดเล็ก ส่วนใหญ่ยังไม่เข้าสู่ระบบภาษีที่ถูกต้อง เพื่อเป็นการขยายฐานภาษี และจัดเก็บรายได้ให้กับประเทศเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป

2.พิจารณาแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทแบบพุ่งเป้าไปยังกลุ่มที่เดือดร้อนหรือมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องได้รับการช่วยเหลือก่อน เพราะจะได้ไม่ต้องใช้งบประมาณที่สูงจนเกินไป และนำงบประมาณบางส่วนไปใช้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การจ้างงาน หรือการลงทุนในสาธารณประโยชน์ ภายใต้การคำนึงถึงความคุ้มค่า และไม่สร้างภาระทางการคลังของประเทศ

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์