ราคาทองฟิวเจอร์ร่วงเกือบ 7 ดอลล์ ดอลลาร์แข็งค่า,บอนด์ยีลด์พุ่งฉุดตลาด

ราคาทองฟิวเจอร์ ปิดวันพฤหัสบดี (16ส.ค.)ปรับตัวลงเกือบ 7 ดอลลาร์ โดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนธ.ค. ลบ 6.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,938.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ขณะที่การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
สหรัฐเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่บ่งชี้ว่า บรรดาผู้กำหนดนโยบายยังคงให้ความสำคัญกับการต่อสู้กับเงินเฟ้อเป็นลำดับต้นๆ เพิ่มเติมความกังวลแก่บรรดานักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ย
FOMC มีมติเป็นเอกฉันท์ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 22 ปี
การประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้ เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 11 นับตั้งแต่ที่เฟดเริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.25%
นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดได้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว โดยเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนก.ย. และในช่วงที่เหลือของปีนี้ ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
อย่างไรก็ดี นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย ในการแถลงข่าวหลังการประชุมเมื่อวันที่ 26 ก.ค. โดยกล่าวแต่เพียงว่า เฟดไม่มีการกำหนดทิศทางนโยบายการเงินไว้ล่วงหน้า โดยจะทำการตัดสินใจในการประชุมเป็นรายครั้ง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในขณะนั้น
"มีความเป็นไปได้ที่เราอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. หากข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงเวลาดังกล่าวสนับสนุนให้เราดำเนินการเช่นนั้น แต่ก็มีความเป็นไปได้เช่นเดียวกันที่เราอาจคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. หากการดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับจุดยืนด้านนโยบายของเรา" นายพาวเวลกล่าว





