สมาคมหมู นัดถกทูตเกษตรบราซิล สกัดหมูเถื่อน 15 ส.ค.นี้

สมาคมหมู นัดถกทูตเกษตรบราซิล สกัดหมูเถื่อน 15 ส.ค.นี้

สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เตรียมเข้าพบทูตเกษตรต่างประเทศ แจงผล“ปัญหาหมูเถื่อน” ย้ำไทยมีผลผลิตเพียงพอ การนำเข้าถือผิดกฎหมาย ฝากถึงบริษัทผู้ส่งออกสุกร-เกษตรกรแต่ละประเทศระมัดระวัง ประเดิมพบทูตบราซิลเป็นรายแรก 15 ส.ค. นี้

นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า ปัญหาหมูเถื่อนในประเทศไทยกำลังมีการสอบสวนดำเนินคดีกันอย่างเข้มข้น ขณะที่ในระหว่างประเทศ ควรมีมาตรการป้องกันไม่ให้จำนวนหมูเถื่อนมีมากขึ้นไปกว่าที่เป็นอยู่เช่นกัน คณะกรรมการสมาคมฯ จึงร่วมกันพิจารณาแล้วเห็นว่า จำเป็นต้องสื่อสารไปยังประเทศผู้ส่งออกเนื้อสุกร เพื่อให้เข้าใจในผลกระทบที่มีต่อประเทศไทย ในขณะที่ประเทศไทยมีผลผลิตสุกรอย่างเพียงพอและไม่มีการอนุญาตนำเข้าเนื้อสุกรอย่างเป็นทางการ

“กรรมการสมาคมฯ มีกำหนดขอเข้าพบทูตเกษตรหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศผู้ส่งออกสุกรต้นทางที่ปรากฏในกล่องของกลางหมูเถื่อนที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบ ไม่ว่าจะเป็น บราซิล อาร์เจนตินา เยอรมัน และอื่นๆ โดยในวันที่ 15 สิงหาคม 2566 จะเข้าพบทูตเกษตรของประเทศบราซิลเป็นแห่งแรก” นายสุรชัยกล่าว

สมาคมหมู นัดถกทูตเกษตรบราซิล สกัดหมูเถื่อน 15 ส.ค.นี้

สมาคมหมู นัดถกทูตเกษตรบราซิล สกัดหมูเถื่อน 15 ส.ค.นี้

ทั้งนี้ ประเด็นการเข้าพบหารือนั้น จะเป็นการให้รายละเอียดถึงผลกระทบจากการมีสินค้าสุกรลักลอบนำเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นจำนวนมาก สุกรเหล่านี้มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าประเทศไทยมากถึงราว 30-40% เข้ามาแทรกแซงตลาดสร้างผลกระทบต่อราคาสุกรหน้าฟาร์มของไทย เป็นเหตุให้เกษตรกรต้องขาดทุนสะสมมาเป็นระยะเวลานานร่วม 8 เดือน หลายรายต้องเลิกกิจการ สร้างความเสียหายกับอุตสาหกรรมสุกรทั้งระบบกว่าวันละ 150 ล้านบาท หรือราว 4,000-5,000 ล้านบาทต่อเดือน หรือคิดเป็นกว่า 30,000 ล้านบาทในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา

นายสุรชัย กล่าวอีกว่า ในวงการปศุสัตว์โดยเฉพาะวงการไก่เนื้อของไทยและบราซิลนับว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน การเข้าพบในทูตเกษตรบราซิลว่าด้วยเรื่องสุกรครั้งนี้ น่าจะเป็นการสานสัมพันธ์ระหว่างอุตสาหกรรมสุกรของทั้งสองประเทศให้รู้จักกันดีมากยิ่งขึ้น และเชื่อว่าหากอุตสาหกรรมสุกรของบราซิลเข้าใจผลกระทบต่างๆแล้ว จะเกิดความร่วมมือด้วยดี น่าจะช่วยป้องกันการลักลอบส่งเนื้อสุกรเข้าไทยได้เช่นกัน

สำหรับการประสานความร่วมมือระหว่างรัฐ สมาคมฯได้ขอความร่วมมือไปยังกรมปศุสัตว์ ช่วยทำหนังสือชี้แจงผลกระทบต่อเกษตรกรและอุตสาหกรรมสุกรของไทย แจ้งไปยังภาครัฐของประเทศผู้ส่งออกเนื้อสุกรเหล่านั้นอย่างเป็นทางการด้วยแล้ว