บีโอไอ โรดโชว์ออสเตรเลีย ดึงลงทุนปักหลักไทย รับยุทธศาสตร์มุ่งสู่อาเซียน

บีโอไอ โรดโชว์ออสเตรเลีย ดึงลงทุนปักหลักไทย รับยุทธศาสตร์มุ่งสู่อาเซียน

บีโอไอ รุกโรดโชว์ออสเตรเลีย ชูโอกาสการลงทุนใหม่อุตฯ เป้าหมาย ดิจิทัล อีวี เครื่องมือแพทย์ อาหารแปรรูป ยกระดับความสัมพันธ์ด้านการลงทุนระหว่างไทย - ออสเตรเลีย ตอบรับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลออสเตรเลียมกระจายลงทุนในอาเซียน ลดความเสี่ยงความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 ก.ค.–4 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา บีโอไอได้จัดคณะผู้บริหารเดินทางเยือนกรุงแคนเบอร์รา และนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย โดยได้เข้าพบกับหน่วยงานด้านการค้าและการลงทุน เช่น กระทรวงการต่างประเทศและการค้า กระทรวงการคลัง สำนักงานพาณิชย์และการลงทุนออสเตรเลีย (Austrade) สำนักงานการลงทุนแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ (Investment NSW) หอการค้าและอุตสาหกรรมออสเตรเลีย (ACCI)

เพื่อหารือความร่วมมือในการส่งเสริมการลงทุน รวมถึงแลกเปลี่ยนประสบการณ์และมาตรการที่ประสบความสำเร็จต่างๆ (Best Practices) เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มปริมาณการค้าการลงทุนระหว่างสองประเทศ

“รัฐบาลใหม่ของออสเตรเลียให้ความสำคัญกับภูมิภาคอาเซียนอย่างมาก เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดหลัก และลดผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งของขั้วมหาอำนาจ โดยได้แต่งตั้งผู้แทนพิเศษสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีประสบการณ์สูงในภาคธุรกิจ และอยู่ระหว่างจัดทำแผนยุทธศาสตร์การสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึงปี 2040"

ประกอบกับข้อจำกัดทางธุรกิจในออสเตรเลีย ทั้งการขาดแคลนบุคลากร ค่าแรงที่สูงขึ้นมาก และตลาดในประเทศที่จำกัด ทำให้ภาคเอกชนจำเป็นต้องมองหาแหล่งลงทุนใหม่ จึงเป็นจังหวะเวลาที่สำคัญของประเทศไทยที่ต้องใช้โอกาสนี้ ยกระดับความร่วมมือด้านการลงทุน

โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เป็นจุดแข็งของออสเตรเลีย เช่น อุตสาหกรรมแร่ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับการผลิตแบตเตอรี่และเซมิคอนดัคเตอร์ ธุรกิจการศึกษาซึ่งออสเตรเลียมีมหาวิทยาลัยและสถาบันอาชีวศึกษาชั้นนำจำนวนมาก อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เครื่องมือแพทย์ ระบบอัตโนมัติ ดิจิทัล รวมทั้งธุรกิจด้าน BCG

บีโอไอ โรดโชว์ออสเตรเลีย ดึงลงทุนปักหลักไทย รับยุทธศาสตร์มุ่งสู่อาเซียน นอกจากนี้ คณะยังได้พบกับบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น กิจการผลิตแป้งข้าวสาลีและแปรรูปอาหารรายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย ซึ่งสนใจเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังแปรรูป กิจการ Data Center รายใหญ่ มีแผนเข้ามาลงทุนเพื่อใช้ไทยเป็นดิจิทัลฮับในภูมิภาค กิจการผลิตรถบัสและรถบรรทุกไฟฟ้า และกิจการผลิตเครื่องมือแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งกำลังพิจารณาแหล่งลงทุนใหม่

รวมทั้งได้หารือความร่วมมือกับผู้บริหารศูนย์นวัตกรรม Canberra Innovation Network ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนสตาร์ตอัปที่ใหญ่ที่สุด และศูนย์เทคโนโลยี Tech Central นครซิดนีย์ ซึ่งเป็นศูนย์บ่มเพาะสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีอันดับหนึ่งของออสเตรเลีย

ทั้งนี้ ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยอย่างยิ่ง โดยเป็นคู่ค้าอันดับ 5 ของไทย และเป็นคู่ค้ารายใหญ่ประเทศเดียวที่ยังสามารถรักษาการเติบโตของมูลค่าการค้าทั้งนำเข้าและส่งออกเป็นบวกในวิกฤติเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นตลาดส่งออกรถยนต์อันดับ 1 ของไทย มีสัดส่วนกว่า 20% ของมูลค่าส่งออกรถยนต์ทั้งหมด ซึ่งจะเป็นตลาดสำคัญสำหรับรถยนต์ EV ในอนาคต

นอกจากนี้ ยังเป็นประเทศที่มีแร่ Rare Earth จำนวนมาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญของอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น แบตเตอรี่ และเซมิคอนดัคเตอร์ เป็นต้น โดยรัฐบาลออสเตรเลียได้กำหนดยุทธศาสตร์ Critical Minerals Strategy 2023 – 2030 อีกด้วย 

สำหรับการลงทุน ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในนักลงทุนรายสำคัญในประเทศไทย ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2556-มิ.ย. 2566) มีโครงการจากออสเตรเลียยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 203 โครงการ เงินลงทุนรวมกันกว่า 54,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ ดิจิทัล และเคมีภัณฑ์