กอบศักดิ์ ห่วงเกิด Carry Trade เยน ดอลลาร์ ดันเงินสหรัฐแข็งค่าสะเทือนทั่วโลก

กอบศักดิ์ ห่วงเกิด Carry Trade เยน ดอลลาร์ ดันเงินสหรัฐแข็งค่าสะเทือนทั่วโลก

ประธาน FETCO ห่วงนักลงทุนกู้เงินดอกเบี้ย 0% ในญี่ปุ่นแล้วไปปล่อยกู้ในสหรัฐรับดอกเบี้ย 5.25% ส่อกดดันเยนอ่อนสวนทางดอลลาร์แข็งสะเทือนค่าเงินทั่วโลก

Key Points

  • แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นโลกส่อทำเศรษฐกิจหลายประเทศปั่นป่วน
  • นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ FETCO ห่วงนักลงทุนกู้สินเชื่อ 0% ในญี่ปุ่นแล้วไปปล่อยกู้ในสหรัฐรับดอกเบี้ย 5.25% หรือทำ Carry Trade
  • หากเกิดการทำ Carry Trade ปริมาณมากอาจกดดันให้เยนอ่อนค่า สวนทางดอลลาร์แข็ง กระทบบาทไทยและอีกหลายสกุลทั่วโลก

ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ปั่นป่วน โดยเฉพาะจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นของธนาคารกลางทั่วโลก และจากมุมมองของคณะกรรมการนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่คงมุมมองต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้อย่างน้อยอีก 2 ครั้ง 

ทั้งหมดทำให้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) อายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.941% และอายุ 2 ปี อยู่ในระดับ 4.945% จนกดดันต่อตลาดหุ้นผันผวนในทิศทางปรับตัวลดลง เพราะนักลงทุนทยอยถือสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากขึ้น

ท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าว นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ให้สัมภาษณ์กับกรุงเทพธุรกิจว่า จากสถานการณ์ดอกเบี้ยของสหรัฐอยู่ที่ 5.25% ซึ่งอยู่ในระดับสูง ในขณะที่ดอกเบี้ยของญี่ปุ่นอยู่ที่ 0% ช่องว่างอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวอาจทำให้เกิดการ “Carry Trade” หรือการเทรดที่เราจะกู้ยืมเงินในแหล่งเงินกู้ที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อที่จะไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่า โดยหวังทำกำไรจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย

“หลายประเทศได้รับผลกระทบจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดและธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะสกุลที่ดอกเบี้ยต่ำหรือสกุลที่ลดดอกเบี้ย เช่นเงินหยวน เงินเยน ก็เป็นเงินที่มีประเด็นของการอ่อนค่าลง

ความกังวลทั้งหมดมาจาก “ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย” ซึ่งส่วนต่างที่แตกต่างกันมากที่เงินเยนดอกเบี้ย 0% ดอลลาร์ดอกเบี้ย 5.25% จะทำให้มีความจูงใจที่นักลงทุนจะทำ Carry Trade อีกครั้งหนึ่ง และพอทำมากๆ เงินเยนก็จะอ่อนค่า ดอลลาร์ก็จะแข็งและกระทบกับหลายประเทศ 

ทั้งนี้ การ  Carry Trade คือกลยุทธ์การลงทุนที่นักลงทุนกู้ยืมเงินในแหล่งสินเชื่อซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อที่จะไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่า โดยหวังได้รับกำไรจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์มองว่าเป็นกลยุทธ์ ที่คล้ายลักษณะ “จับเสือมือเปล่า” 

เมื่อถามถึงผลกระทบจาก “อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น” ของเฟดต่อประเทศไทย นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าเฟดยังคงดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงเพื่อสู่เงินเฟ้อไปมากกว่านี้ ส่งออกของไทยที่ซบเซามากอยู่แล้ว ก็จะฟื้นยากมากขึ้นไปอีก 

ผมว่าเราเริ่มเห็นเเล้วว่าส่งออกก็ไม่ดี ภาคอุตสาหกรรมก็ซบเซา ก็จะทำให้เกิดนัยกับเศรษฐกิจไทย ก็ต้องหาเครื่องจักรตัวอื่นมาทดแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปลดล็อกเรื่องท่องเที่ยวที่จะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยต่อไป