1 ปี 'กองทุนน้ำมัน'เคลียร์หนี้ได้แล้ว 6.5 หมื่นล้าน

1 ปี 'กองทุนน้ำมัน'เคลียร์หนี้ได้แล้ว 6.5 หมื่นล้าน

เปิดบัญชี "กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง" ตลอดเวลา 1 ปี สามารถบริหารจัดการเงินในบัญชีที่ติดลบกว่า 1.3 แสนล้านบาท เหลือติดลบ 57,884 ล้าน

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค. 64 – มิ.ย. 66) พบว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบ อยู่ในระดับ 77.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันเบนซิน อยู่ในระดับ 93.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับ 94.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

ทั้งนี้ คาดการณ์แนวโน้มราคาน้ำมันช่วงครึ่งปีหลัง 2566 ราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบ จะอยู่ระหว่าง 81-87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันเบนซิน จะอยู่ระหว่าง 96-105 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดีเซล จะอยู่ระหว่าง 91-98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

อย่างไรก็ตาม สนพ. อยู่ระหว่างศึกษาโครงการทบทวนโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อรองรับน้ำมันที่มีคุณภาพตามมาตรฐานยูโร 5 ซึ่ง สนพ. คาดว่า โครงการทบทวนโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงฯ จะทำให้เกิด “โครงสร้างราคา” ที่เหมาะสมตามต้นทุนและสถานการณ์ที่เป็นจริงของตลาด เกิดราคาที่เป็นธรรมแก่ผู้ใช้น้ำมัน เกิดการขับเคลื่อนภาคธุรกิจและเศรฐกิจไทย และภาครัฐสามารถกำกับดูแลระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ  

"สนพ. ยังคงติดตามและบริหารนโยบายพลังงานในช่วงวิกฤติราคาพลังงานอย่างใกล้ชิดเพื่อหาแนวทางและมาตรการในการช่วยเหลือประชาชนในช่วงวิกฤติพลังงานในอนาคตต่อไป"

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า จาการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปี 2565 ที่ผ่านมา ภาพรวมจากสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากเหตุการณ์สู้รบระหว่างรัสเซีย – ยูเครนตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565 จนเป็นวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งกินระยะเวลานานถึงปัจจุบัน

ส่งผลให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องกระทบต่อภาวะการครองชีพของประชาชน รวมทั้งกระทบต่อการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการและเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม โดยเฉลี่ยราคาน้ำมันดีเซล (Gas Oil) ปี 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 135.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า 74.26%        

ทั้งนี้ กองทุนน้ำมันฯ ได้เข้ามาสนับสนุนการขับเคลื่อนมาตราการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน และผู้ประกอบการ เช่น การทยอยปรับราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) แบบขั้นบันได จากที่ตรึงไว้ 318 บาท/ถัง 15 กก.มาอยู่ที่ 408 บาท/ถัง 15 กก. และการบริหารราคาน้ำมันดีเซลให้อยู่ในระดับราคาที่เหมาะสม จากที่ตรึงไว้ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร มาอยู่ที่ไม่เกิน 35 บาท/ลิตร 

ส่งผลให้ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2565 มีสถานะติดลบมากกว่า 130,000 ล้านบาท ขาดสภาพคล่องและมีหนี้เงินชดเชยที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงค้างชำระผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นจำนวนมาก จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินและกรอบวงเงินกู้ตามวรรคสามในมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ให้ที่ไม่เกิน 1.5 แสนล้านบาท 

"สกนช.ได้กู้เงินเสริมสภาพคล่องแล้วรวม 50,000 ล้านบาท ผนวกกับช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2565 ราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มอ่อนตัวลง ทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเริ่มเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทำให้มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงช่วงต้นปี 2566 ติดลบลงลงเรื่อย ๆ และพยุงราคาดีเซลไว้ที่ระดับ 32 บาท/ลิตร"

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงโดยภาพรวมมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น โดยประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิ ณ วันที่ 25 มิถุนายน 2566 ติดลบอยู่ที่ 57,884 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชี LPG ติดลบ 45,975 ล้านบาท ส่วนบัญชีน้ำมันติดลบ 11,909 ล้านบาท 

อย่างไรก็ตาม หากเทียบฐานะกองทุนน้ำมันช่วง 1 ปีที่ผ่านมาวันที่ 26 มิถุนายน 2566 ติดลบอยู่ที่ 102586 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชี LPG ติดลบ 39,115 ล้านบาท ส่วนบัญชีน้ำมันติดลบ 65,202 ล้านบาท

ในขณะที่ฐานะกองทุนน้ำมันช่วงสิ้นปี 2565 โดยวันที่ 25 ธันวาคม 2565 ติดลบอยู่ที่ 123,155 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชี LPG ติดลบ 44,113 ล้านบาท ส่วนบัญชีน้ำมันติดลบ 79,042 ล้านบาท เป็นต้น