‘พิธา’ ตั้งทีมร่วมหอการค้าฯหาข้อยุติ ‘ขึ้นค่าแรง’

การประชุมหารือได้พูดคุยในหลายประเด็น โดยเฉพาะประเด็นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทต่อวัน โดยเห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรง แต่อัตราการขึ้นค่าแรง ระยะเวลาอาจจะต้องหารือรายละเอียดที่เหมาะสมอีกครั้ง ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายมีข้อมูลไม่ต่างกันมาก

ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สนั่น อังอุบลกุล กล่าวภายหลังการประชุมหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และคณะผู้บริหารพรรคก้าวไกล ระบุว่า การประชุมหารือได้พูดคุยในหลายประเด็น โดยเฉพาะประเด็นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทต่อวัน โดยเห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรง แต่อัตราการขึ้นค่าแรง ระยะเวลาอาจจะต้องหารือรายละเอียดที่เหมาะสมอีกครั้ง ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายมีข้อมูลไม่ต่างกันมาก

ทั้งนี้ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้เสนอ 3 ประเด็นต่อพรรคก้าวไกล 1.ขอให้กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปรวดเร็วที่สุด เพื่อให้การจัดทำนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรงบประมาณต่อเนื่อง สร้างความเชื่อมั่นให้เศรษฐกิจประเทศ โดยเฉพาะแนวทางการจัดทำงบประมาณฐานศูนย์ที่หอการค้าไทย แต่มีข้อกังวลกรอบเวลาการจัดทำงบประมาณจะทำได้ทันทีหรือไม่ เพราะใช้เวลามากจึงขอให้เตรียมแผนให้รอบคอบ เพื่อให้การใช้งบประมาณมีความต่อเนื่อง 2.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ด้วย Ease of Doing Business และ Ease of Investment โดยปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง regulatory guillotine 3.สร้างความเข้มแข็งผู้ประกอบการและ SME โดยเฉพาะสนับสนุนให้ SME เข้าถึงแหล่งเงินทุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำได้ง่ายขึ้น ทั้งการปรับกฎเกณฑ์ให้สอดคล้องกับความเป็นจริง

นอกจากนี้ ในการหารือครั้งนี้ยังไม่ได้สรุปว่านโยบายการขึ้นค่าแรงภายใน 100 วัน จะเริ่มต้นนับหนึ่งวันไหน ขณะนี้ยังมีเวลาต้องตั้งทีมหารือรายละเอียดต่อ หากขึ้นทันทีจะเป็นการกระชาก ซึ่งอาจมีปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจได้ การประชุมครั้งนี้จึงคุยกันด้วยเหตุผล และมีข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ไม่ใช่ความรู้สึก โดยทั้ง 2 ฝ่ายตั้งคณะกรรมการติดตามความคืบหน้าทุกประเด็นที่หารือ ซึ่งทั้ง 2 จะตั้งทีมขึ้นมาติดตามและจะนัดหารือกัน โดยเฉพาะประเด็นค่าแรง ส่วนประเด็นเร่งด่วนหลังหารือนอกจากประเด็นนี้ รวมทั้งมีประเด็นพลังงาน การดูแลภาคเกษตร และการต่อลมหายใจให้เอสเอ็มอี เพื่อให้ทุกฝ่ายเดินหน้าได้

สำหรับการขึ้นค่าแรงเป็นวันละ 450 บาท ถ้าสื่อสารกับสาธารณะอย่างไม่เข้าใจจะทำให้ทุกคนโต้แย้งได้ ซึ่งประเด็นสำคัญสุดต้องหารือรายละเอียดเชิงลึก เพราะเป็นเรื่องอ่อนไหวมาก ซึ่งค่าแรงขั้นต่ำมีกลไกคณะกรรมการค่าจ้างกลาง (ไตรภาคี) ที่มีผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชนและแรงงานของแต่ละจังหวัดอยู่แล้ว 

ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลต้องฟังเสียงจากประชาชนและสิ่งเหล่านี้คงต้องคุยกัน โดยการขึ้นค่าแรงล่าสุดเมื่อเดือน ต.ค.2565 ปรับขึ้นประมาณ 5% แต่อัตราเงินเฟ้อไทยเพิ่มขึ้นถึง 8% ถือเป็นภาวะผิดปกติมาก เพราะไม่มีคิดว่าจะเกิดสงครามจนทำให้ราคาพลังงานแพง และดอกเบี้ยขึ้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ดีที่วันนี้หอการค้าไทยได้คุยกับพรรคก้าวไกล ซึ่งทำให้เห็นว่า เรามีจุดยืนเดียวกันที่จะทำให้แรงงานอยู่ได้ 

ซึ่งหลังการหารือก็สบายใจ ถึงมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีความชัดเจน แต่อยากให้เร่งจัดตั้งรัฐบาลและมีระยะเวลาที่ชัดเจน และจากการพูดคุยก็คาดว่าภายในเดือน ก.ย.2566 จัดตั้งรัฐบาลได้ เพื่อเร่งจัดทำงบประมาณรายจ่าย เนื่องจากห่วงระยะเวลาในการการเบิกจ่ายที่จำกัด เบิกไม่ทัน ซึ่งอาจจะกระทบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมไปถึงต่างชาติก็มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

 

ด้านหัวหน้าพรรคก้าวไกล พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ระบุ การหารือครั้งนี้ได้หารือใน 13 ประเด็นเศรษฐกิจที่หอการการค้าไทยมีการนำเสนอ อาทิ ปัญหาคอร์รัปชัน BCG การส่งเสริม SME และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 450 บาท รวมทั้งได้อัปเดตความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงหน้าที่คณะกรรมการเปลี่ยนผ่าน

ส่วนประเด็นการขึ้นค่าแรง 450 บาทต่อวัน ภายใน 100 วัน ภายหลังจัดตั้งรัฐบาลที่มีการหาเสียงไว้ จากการหารือกับหอการค้าไทย การขึ้นค่าแรงน่าจะมีกรอบระยะเวลาที่ใกล้เคียงกับระยะเวลาเดิม หรือขยับออกไป ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องหารือค่าแรงที่เหมาะสมก่อน 

รวมทั้งกรณีหากขึ้นค่าแรงจะกระทบต่อราคาสินค้าปรับขึ้นนั้น จากการศึกษาไม่จำเป็นเสมอไปที่ราคาสินค้าจะขึ้นจากปรับค่าแรง ทั้งนี้การปรับขึ้นค่าแรงเปรียบเสมือนเหรียญ 2 ด้าน โดยด้านหนึ่งจะทำให้ประชาชนมีชีวิตที่ดี รายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมามีการขึ้นค่าแรงไปก่อนหน้านี้ 350 บาทต่อวัน เป็นการขึ้นค่าแรงเพียง 5% ขณะที่เงินเฟ้อขึ้น 8%

 

สำหรับการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล ขึ้นอยู่กับการรับรอง ส.ส.ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 90% จะเปิดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีการเลือกประธานสภาฯ นายกรัฐมนตรี จากนั้นก็ประชุม ครม.ซึ่งพรรคก้าวไกลต้องการให้เกิดสุญญากาศสั้นที่สุด และเดินหน้าให้เร็วที่สุด เพื่อจัดการเกี่ยวกับงบประมาณและกระตุ้นเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลมีแผนหารือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยในวันที่ 5 มิ.ย.2566 จะนำทีมไปพบนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รวมทั้งมีแผนหารือแลกเปลี่ยนกับภาคเอกชน เช่น สมาคมธนาคารไทย สภาตลาดทุนไทย สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต รวมถึงการหารือกับหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ เช่นสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)