โยนรัฐบาลใหม่ชี้ขาดอุ้มดีเซล 'พลังงาน' ยืนยันไม่ขึ้นทีเดียว 5 บาท

โยนรัฐบาลใหม่ชี้ขาดอุ้มดีเซล 'พลังงาน' ยืนยันไม่ขึ้นทีเดียว 5 บาท

นายกฯ สั่ง “คลัง-พลังงาน” หารือมาตรการตรึงดีเซล หลังมาตรการลดภาษีหมดอายุ 20 ก.ค. นี้ “อาคม”เผยยังไม่พิจารณาต่ออายุลดภาษีดีเซล ยังมีเวลา 2 เดือน ระบุหากจะลดภาษีต่อต้องขอ กกต. “พลังงาน” เตรียม 2 แผนรับมือ ยันไม่ขึ้นทันที 5 บาท ส.อ.ท.แนะต่อมาตรการลดภาษี

Key points

  • มาตรการลดภาษีดีเซลจะหมดลงในวันที่ 20 ก.ค.2566 หลังจากลดมาต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ก.พ.2565
  • การลดภาษีดีเซลในช่วง 17 เดือน ที่ผ่านมาทำให้กระทรวงการลังสูญเสียรายได้ประมาณ 158,000 ล้านบาท 
  • พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งกระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงานเตรียมข้อมูลให้รัฐบาลใหม่
  • การลดภาษีดีเซลส่งผลกระทบต่อรายได้รัฐบาลอย่างมีนัยสำคัญจึงควรให้รัฐบาลใหม่มาเป็นผู้พิจารณา

รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ดูแลราคาดีเซลในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นมากในปี 2565 ได้ขยับเพดานราคาดีเซลจากไม่เกินลิตรละ 30 บาท ขึ้นมาเป็นลิตรละ 32 บาท เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2565 และขึ้นมาสูงลุดที่ 35 บาท ก่อนที่จะทยอยปรับลดเมื่อวันที่ 5 ก.พ.2566 จนล่าสุดปัจจุบันคงราคาที่ 32 บาท

รวมทั้งที่ผ่านมารัฐบาลได้ลดภาษีดีเซลลงลิตรละ 5 บาท ตั้งแต่เดือน ก.พ.2565 ถึงปัจจุบันรวม 7 ครั้ง กระทบรายได้ของกรมสรรพสามิต 158,000 ล้านบาท ซึ่งจะสิ้นสุดมาตรการในวันที่ 20 ก.ค.2566 เป็นช่วงรอยต่อของรัฐบาลใหม่จึงมีความกังวลถึงความต่อเนื่องของการดูแลราคาดีเซลเพื่อช่วยลดค่าครองชีพประชาชน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในระหว่างนี้เป็นเรื่องของรัฐบาลนี้ที่ต้องทำอยู่แล้ว เพราะรัฐบาลนี้ยังรับผิดชอบอยู่ไม่ใช่หรือ

“เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ได้ถามไปแล้วไม่มีปัญหาอะไร แนวโน้มน่าจะลดลง ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันที่เข้ามา และทุกครั้งรัฐบาลก็แก้ปัญหาให้ตลอดไม่ใช่หรือ”

นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี รับทราบข้อกังวลของประชาชนและภาคธุรกิจต่อกรณีการสิ้นสุดมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตร ที่จะสิ้นสุดวันที่ 20 ก.ค.2566 โดยกังวลว่าช่วงดังกล่าวอาจยังไม่มีรัฐบาลใหม่มาบริหารประเทศและติดสินมาตรการดูแลประชาชน ซึ่งจะทำให้ราคาดีเซลขึ้นทันที 5 บาทต่อลิตร จนกระทบค่าครองชีพและเศรษฐกิจ

“นายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนอย่าเพิ่งวิตกกังวล โดยมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลครั้งที่ 7 ที่รัฐบาลอนุมัติเพิ่งเริ่มมีผลเมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา และจะสิ้นสุดวันที่ 20 ก.ค.2566 เหลือเวลาอีก 2 เดือนจึงจะสิ้นสุดมาตรการ ยังมีเวลาที่รัฐบาลจะพิจารณาแนวทางมารองรับเพื่อให้ผลกระทบเกิดกับประชาชนน้อยที่สุด”

โยนรัฐบาลใหม่ชี้ขาดอุ้มดีเซล \'พลังงาน\' ยืนยันไม่ขึ้นทีเดียว 5 บาท

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นว่าตามความเหมาะสมแล้วมาตรการที่ต้องใช้จ่ายงบประมาณ หรือทำให้รัฐสูญเสียรายได้อย่างมีนัยสำคัญนั้น ควรต้องให้รัฐบาลใหม่ได้พิจารณา แต่รัฐบาลรักษาการโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องดูสถานการณ์แต่ละช่วงว่าต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อดูแลผลกระทบให้เกิดกับประชาชนน้อยที่สุด ไม่เป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวและเป็นไปตามกฎหมาย

รวมทั้งนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงการคลังหารือกับกระทรวงพลังงาน เพื่อวางแนวทางรองรับกับมาตรการที่จะสิ้นสุดปลายเดือน ก.ค.นี้ โดยให้พิจารณาหลายปัจจัยประกอบ เช่น สถานการณ์และแนวโน้มราคาน้ำมันโลก ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ผลกระทบต่อเศรษฐกิจช่วงเปลี่ยนผ่านนโยบาย ซึ่งแนวทางไหนดำเนินการได้โดยอำนาจของหน่วยงานหรือส่วนใดที่ต้องหารือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้จัดทำแนวทางเสนอนายกรัฐมนตรี

“คลัง”เผยยังไม่ต่อลดภาษีดีเซล

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีราชกิจจานุเษกษา ลงประกาศ ไม่ต่ออายุมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตรที่จะสิ้นสุด 20 ก.ค.นี้ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ เนื่องจากยังมีเวลาอีก 2 เดือน ดังนั้น ขอให้ใกล้ถึงเวลาก่อนจึงค่อยว่ากันอีกที

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันลดลงมาค่อนข้างเยอะ ทั้งนี้ มาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซลเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ราคาผู้บริโภคในหมวดเชื้อเพลิงและการเดินทางปรับลดลง ซึ่งกระทรวงการคลังยอมสูญเสียรายได้เพื่อช่วยภาคขนส่งและประชาชน แต่หลังจากนี้ต้องติดตามสถานการณ์ว่าราคาน้ำมันจะปรับลดลงขนาดไหน ส่วนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบริหารได้ โดยมีเงินเข้ากองทุนและมีกรอบวงเงินกู้

“ฐานะกองทุนน้ำมันดีขึ้นเพราะราคาน้ำมันลดลง จึงเก็บเงินเข้ากองทุนได้ และราคาน้ำมันที่ลดลงอยู่บนพื้นฐานที่กระทรวงการคลังลดภาษีให้ 5 บาท ขณะเดียวกันหากจะลดภาษีต่อต้องดูกฎกติกาของรัฐธรรมนูญด้วยว่ารัฐบาลรักษาการทำอย่างไรได้ เพราะหากจะดำเนินการเกี่ยวกับงบประมาณต้องขอ กกต.เพราะมีผลผูกพันกับรัฐบาลต่อไป โดยทั้งหมดขอดูสถานการณ์อีกที”

“พลังงาน”เตรียม2แนวทาง

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) กล่าวว่า นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สั่งการให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสรุปสมมติฐาน (Scenario Analysis) เสนอทั้งรัฐบาลรักษาการ และรัฐบาลใหม่ เพื่อให้ทราบทิศทางว่าจะตัดสินใจอย่างไร ซึ่งปัจจุบันราคาดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 32 บาท

ทั้งนี้ กองทุนน้ำมันฯ ได้ติดตามราคาดีเซลถึงสิ้นปี 2566 ประเมินว่าหากราคาดีเซลตลาดโลกอยู่ที่ระดับปัจจุบันบาร์เรลละ 90 ดอลลาร์ และอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 33-35 บาทต่อดอลลาร์ ได้เตรียมสมมติฐาน 2 แนวทาง ได้แก่

1. กรณีนโยบายภาครัฐให้ขึ้นภาษีดีเซลลิตรละ 5 บาท หลังวันที่ 20 ก.ค.2566 จะรักษาระดับราคาดีเซลลิตรละ 32 บาท ด้วยการลดจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลิตรละ 5 บาท โดยกองทุนสำหรับดีเซลจะเหลือลิตรละ 43 สตางค์

2. กรณีรัฐบาลต้องการให้ลดราคาดีเซลต่ำกว่าลิตรละ 32 บาท รัฐบาลต้องใช้นโยบายภาษีเข้ามาร่วมดูแลด้วย โดยแทนที่จะขึ้นทันทีลิตรละ 5 บาทต่อลิตร ก็จะต้องทยอยขึ้น อาจจะเป็น 2-3 บาทต่อลิตร ซึ่งแนวทางนี้ กองทุนน้ำมันฯ จะร่วมดูแล เช่น หากต้องการเห็นดีเซล 30 บาทต่อลิตร ก็ต้องลดภาษีต่อ อีก 2 บาทต่อลิตร โดยไม่เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ

กองทุนน้ำมันทยอยกู้เงิน

แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานใช้กลไกดูแลราคาน้ำมันดีเซลและก๊าซหุงต้ม (ภาคครัวเรือน) LPG ผ่านสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) โดยที่ผ่านมาจากวิกฤติโควิดและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลให้ราคาพลังงานสูงขึ้นทั่วโลก ซึ่งไทยนำเข้าพลังงานเป็นสัดส่วนที่สูงโดยเฉพาะน้ำมันกว่า 90% ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ ต้องใช้เงินอุดหนุนจนติดลบเกือบจะ 1.4 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานกำลังกู้เงินเพื่อนำมาชำระหนี้คู่ค้ามาตรา 7 โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) บรรจุเป็นหนี้สาธารณะแล้ว 1.1 แสนล้านบาท จากวงเงินที่กระทรวงการคลังอนุมัติค้ำประกันเงินกู้ให้ 1.5 แสนล้านบาท โดยสถานะกองทุนน้ำมันวันที่ 28 พ.ค.2566 ติดลบอยู่ที่ 69,427 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 22,920 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 46,507 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าบัญชีน้ำมันแล้ว

“ตอนนี้กองทุนน้ำมันฯ ได้กู้เงินมาแล้ว 5 หมื่นล้านบาท และอยู่ระหว่างทะยอยกู้เงินเพิ่มเพื่อนำมาเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ โดยคาดว่ากลางเดือน มิ.ย.2566 จะได้เงินกู้ก้อนใหม่อีก 20,000 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงจากก่อนที่่กองทุนน้ำมันฯ ต้องควักเงินอุดหนุนถึง 14 บาทต่อลิตร เป็นเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เฉลี่ย 5 บาทต่อลิตร ราวเดือนละ 1.3 หมื่นล้านบาท โดยราคาดีเซลตลาดโลกอ่อนตัวลงช่วงต้นเดือน พ.ค.2566 ที่เฉลี่ย 86.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 10.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเทียบราคาเฉลี่ยน้ำมันดีเซลเดือน เม.ย.2566 ดังนั้น คงจะต้องติดตามราคาน้ำมันตลาดโลกเป็นปัจจัยสำคัญ”

หารือคลังรับมือช่วงรอยต่อรัฐบาล

แหล่งข่าว กล่าวว่า แม้ว่ากองทุนน้ำมันฯ จะกู้เงินเสริมสภาพคล่องให้กองทุนน้ำมันฯ และแบ่งจ่ายหนี้ให้คู่ค้าน้ำมันมาตรา 7 แต่การกู้เงินก็มีขีดจำกัด และต้องจ่ายอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกเดือน ดั้งนั้น กระทรวงพลังงานจะหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อวางแนวทางในการรับมือหลังสิ้นสุดมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลในวันที่ 20 ก.ค.2566 ว่าในช่วงรอยต่อของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ รัฐบาลรักษาการจะทำเรื่องต่ออายุมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซลให้อีกหรือไม่ อย่างไร ซึ่งต้องดูข้อกฏหมายอย่างรอบคอบ

“เมื่อสิ้นสุดมาตรการลดภาษีดีเซล จะต้องดูหลายปัจจัยมาประกอบโดยเฉพาะราคาน้ำมันตลาดโลกว่ าในช่วงนั้นจะมีราคาเป็นอย่างไร จะสามารถเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ระดับไหน แต่เท่าที่หารือกรับกองทุนน้ำมันฯ และท่าที พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ได้ความสำคัญกับมาตรการดูแลราคาน้ำมันเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน จึงมองว่ากระทรวงการคลังอาจพิจารณาต่อมาตรการลดภาษีให้อีกครั้ง จะเป็นระดับ 3 บาทต่อลิตรเหมือนที่เคยลดให้ก็ยังดี"

อย่างไรก็ตาม คาดว่ากลางเดือน มิ.ย. 2566 ทุกอย่างจะชัดเจนขึ้น โดยต้องดูจากปัจจัยหลายอย่างประกอบ อาทิ การประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสวันที่ 3 มิ.ย. 2566 ถึงอัตรากำลังการผลิต ว่าจะลดกำลังการผลิตหรือไม่, ความชัดเจนของสหรัฐเกี่ยวกับการขยายเพดานหนี้ฯ รวมถึงการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แต่ยืนยันว่า กระทรวงพลังงานจะไม่ขึ้นราคาน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตร ทันทีเพราะหากปรับขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 32 บาทต่อลิตร เป็น 37 บาทต่อลิตร จะส่งผลกระทบกับประชาชนผู้ใช้น้ำมันและภาคขนส่งที่จะมีผลต่อราคาสินค้าปลายทางด้วย

ส.อ.ท.แนะต่อมาตรการภาษีดีเซล

นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังควรต่อมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซลที่จะสิ้นสุดมาตรการวันที่ 20 ก.ค.2566 นี้ออกไปอีก เพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าขนส่ง ซึ่งจะกระทบต่อเนื่องถึงราคาสินค้าปรับสูงขึ้นตามไปอีก และจะกระทบต่อค่าครองชีพประชาชน 

ส่วนการต่ออายุมาตรการครั้งนี้ กระทรวงการคลังอาจพิจารณาว่า ยังมีความจำเป็นต้องลดลงลิตรละ 5 บาทตามเดิมหรือไม่ อาจค่อยๆ ลดลงมาเหลือลิตรละ 4 บาท ลิตรละ 3 บาท เนื่องจากช่วงนี้ราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกเริ่มปรับลดลงมา ไม่สูงเหมือนในอดีต และไม่ให้กระทบต่อรายได้ฐานะการคลังมากนัก เป็นประเด็นที่กระทรวงการคลัง จะพิจารณาร่วมกับกระทรวงพลังงานต่อไป