สศก. ปลื้มมูลค่าเกษตรอินทรีย์พุ่ง 27 % เล็งขยายพื้นที่ตามเป้า2 ล้านไร่

สศก. ปลื้มมูลค่าเกษตรอินทรีย์พุ่ง 27 % เล็งขยายพื้นที่ตามเป้า2 ล้านไร่

สศก. ปั่นพื้นที่เกษตรอินทรีย์ มุ่งเป้า 2 ล้านไร่ หลัง มูลค่าพุ่งสูงกว่า 9 พันล้านบาท พร้อมลงพื้นที่ตลาดกลางเกษตรอินทรีย์ ท้ายเกาะ ตลาดกลางเกษตรอินทรีย์แห่งแรกในไทย

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่าปัจจุบัน ประเทศไทยมีพื้นที่เกษตรอินทรีย์จำนวน1,403,441ไร่ เพิ่มขึ้น 4 % จากปีที่ผ่าน ที่มีพื้นที่ 1,348,155ไร่   คิดเป็นมูลค่าสินค้าเกษตรอินทรีย์ 9,169.29ล้านบาท เพิ่มขึ้น  27 %  จากปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่า7,127.63ล้านบาท  ทั้งนี้ ประเทศไทย ได้กำหนดเป้าหมายเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์เป็น 2 ล้านไร่ ในปี2570ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านเกษตรอินทรีย์ พ.ศ.2566 - 2570

 

สศก. ปลื้มมูลค่าเกษตรอินทรีย์พุ่ง 27 % เล็งขยายพื้นที่ตามเป้า2 ล้านไร่ สศก. ปลื้มมูลค่าเกษตรอินทรีย์พุ่ง 27 % เล็งขยายพื้นที่ตามเป้า2 ล้านไร่ สศก. ปลื้มมูลค่าเกษตรอินทรีย์พุ่ง 27 % เล็งขยายพื้นที่ตามเป้า2 ล้านไร่ สศก. ปลื้มมูลค่าเกษตรอินทรีย์พุ่ง 27 % เล็งขยายพื้นที่ตามเป้า2 ล้านไร่ สศก. ปลื้มมูลค่าเกษตรอินทรีย์พุ่ง 27 % เล็งขยายพื้นที่ตามเป้า2 ล้านไร่

ขณะที่สถานการณ์ส่งออกสินค้าเกษตรอินทรีย์ของไทย ในปี2565 มีปริมาณการส่งออก 35,888.70ตัน เพิ่มขึ้น 19.60 %  จากปี 2564 ที่ส่งออก30,007.90ตัน  คิดเป็นมูลค่าการส่งออก2,248.72ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.12 % จากปี 2564 ที่มีมูลค่า1,345.57ล้านบาท  โดยสินค้าเกษตรอินทรีย์ของไทยที่ส่งออกสำคัญ ได้แก่ ข้าว มะพร้าวอ่อน กะทิสำเร็จรูป ทุเรียน มังคุด มีตลาดส่งออกสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน อิตาลี และสวิตเซอร์แลนด์

 สำหรับการส่งออกของ ปี2566ในไตรมาสแรก (ม.ค.- มี.ค.) พบว่า มีปริมาณการส่งออก 6,303.76ตัน และมีมูลค่าการส่งออก 302.90 ล้านบาท โดยสินค้าเกษตรอินทรีย์หลักที่สำคัญอย่างข้าวอินทรีย์มีปริมาณการส่งออก4,996.77ตัน มูลค่าการส่งออก185.10ล้านบาท กะทิสำเร็จรูป 514.75 ตัน มูลค่าการส่งออก 30.76 ล้านบาททุเรียน 38 ตัน มูลค่าการส่งออก 13.24 ล้านบาท มะพร้าวอ่อน 740.70 ตัน มูลค่าการส่งออก 18.27 ล้านบาท และมังคุด 12 ตันมูลค่าการส่งออก 2.06 ล้านบาท

จะเห็นได้ว่า ทิศทางของสินค้าเกษตรอินทรีย์ มีแนวโน้มที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น เพราะนอกจากกระแสความนิยมการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคแล้ว ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ รวมไปถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การทำการเกษตรแบบยั่งยืน เกษตรอินทรีย์ เพื่อรักษาระบบนิเวศของสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติจึงเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญ และนับเป็นโอกาสและช่องทางการขยายตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ในประเทศ 

ซึ่งล่าสุด สศก. โดยกองนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตร ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์เกษตรอินทรีย์และแนวโน้มตลาดอินทรีย์ในประเทศณ ตลาดกลางเกษตรอินทรีย์ท้ายเกาะ ถนนปทุมธานี-เสนา ตำบลท้ายเกาะ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี

เมื่อวันที่28เม.ย. 2566 เพื่อศึกษากลไกการเชื่อมโยงตลาดเกษตรอินทรีย์ ระหว่างเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร เครือข่ายเกษตรกร ผู้ประกอบการตลาด รวมทั้งพูดคุยกับประธานสมาพันธ์เกษตรกรรมยั่งยืนจังหวัดปทุมธานี (คุณสุเทพ กุลศรี) โดยตลาดกลางเกษตรอินทรีย์ท้ายเกาะ ถือเป็นแหล่งจำหน่ายปัจจัยการผลิตเกษตรอินทรีย์ครบวงจร ผลผลิตเกษตรอินทรีย์ทั้งผัก ผลไม้ ปศุสัตว์ ประมง และผลิตภัณฑ์แปรรูป

 นอกจากนี้ มีร้านอาหารอินทรีย์ โรงล้างคัดตัดแต่งและบรรจุ โรงงานแปรรูปน้ำผัก ผลไม้ ศูนย์บริการห้องเย็น ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาทางการเกษตร และแปลงสาธิตการทำเกษตรอินทรีย์ เป็นต้น

ทั้งนี้ตลาดกลางเกษตรอินทรีย์ ท้ายเกาะ ที่ถือเป็นตลาดกลางเกษตรอินทรีย์แห่งแรกในประเทศไทยอันเกิดจากความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และเกษตรกร ส่วนภาครัฐเป็นหน่วยงานสนับสนุน เพื่อเป็นศูนย์รวมสินค้าเกษตรอินทรีย์จากทุกภูมิภาค สู่การเป็นตลาดกลางเกษตรอินทรีย์แห่งแรกในประเทศไทย ที่มุ่งเน้นการเชื่อมโยงตลาดทั้งการค้าปลีกและค้าส่งให้เกษตรกรทั่วประเทศ

 โดยตลาดกลางเกษตรอินทรีย์ ท้ายเกาะ ได้เริ่มเปิดตลาดมาตั้งแต่28 เม.ย. 2566และจะมีการเปิดตลาดอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ส.ค. นี้โอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนทุกท่านที่สนใจสามารถอุดหนุนสินค้าเกษตรอินทรีย์ของตลาดได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา07.00 – 21.30น. ซึ่งนอกจากจะได้สินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ได้คุณภาพมาตรฐานแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมผลผลิตอินทรีย์ของเกษตรกรไทยร่วมกันอีกด้วย