ร้านอาหารชี้ปรับ ‘ค่าแรง’ แก้ปัญหาปลายทาง

นโยบายการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่หลายพรรคการเมืองชูขึ้นมานั้น มองว่าส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการโดยตรงแบบที่ไม่สามารถหาทางออกได้ เนื่องจากเป็นต้นทุนหลักของการทำธุรกิจทุกประเภท ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ตาม

นางสาวประภัสสร รังสิโรจน์ นายกสมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ด (ครัวชมทะเล) เปิดเผยว่า นโยบายการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่หลายพรรคการเมืองชูขึ้นมานั้น มองว่าส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการโดยตรงแบบที่ไม่สามารถหาทางออกได้ เนื่องจากเป็นต้นทุนหลักของการทำธุรกิจทุกประเภท ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ตาม ซึ่งอยากให้รัฐบาลประเมินภาพที่มีความสอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะทุกคนก็อยากมีรายได้เพิ่มขึ้นทั้งนั้น แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความจริง เพื่อไม่ให้ต้องเกิดการแบกรับภาระของฝ่ายใดเพียงฝ่ายเดียว รวมถึงอาจมีคนตกงานมากขึ้นด้วย เพราะทักษะที่มีไม่สอดคล้องกับราคาที่ต้องจ่าย

นางสาวประภัสสรกล่าวว่า ข้อแนะนำในการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 10% ต่อปีแทน มองว่าต้องดูเศรษฐกิจในภาพรวมมากกว่า เพราะหากค่าแรงงานอยู่ในระดับต่ำ และค่าครองชีพก็ต่ำด้วย แบบนี้จะไปด้วยกันได้ แต่หากปรับค่าแรงสูงขึ้น ค่าครองชีพก็จะปรับเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งถือว่าไม่สอดคล้องกับภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยหากเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ก็จะคนละภาพกันด้วย เพราะมีระบบที่ดีอยู่แล้ว ซึ่งส่วนนี้ถือว่าไม่มีความเป็นธรรมมากนัก

นางสาวประภัสสรกล่าวว่า เหตุผลที่ใช้ในการขึ้นค่าแรงเพราะค่าครองชีพปรับสูงขึ้นนั้น มองว่าปัญหาอยู่ตรงไหนก็อยากไปแก้ไขตรงนั้น เนื่องจากการแก้ไขด้วยการขึ้นค่าแรงถือเป็นการแก้ปลายทางเท่านั้น โดยหากค่าครองชีพสูงเพราะภาวะเศรษฐกิจที่ดันให้ต้นทุนสูงขึ้น ก็ปรับในส่วนนั้น เงินเดือนเท่าเดิมก็อยู่ได้ ของพวกนี้ขึ้นอยู่กับการบริการงานของรัฐบาลโดยตรง ต้องประเมินต้นเหตุของปัญหาและแก้ไขในส่วนนั้น เหมือนเวลามีข้อจำกัดในเรื่องอะไรออกมาก็ย้อนกลับไปต้นทางในการจำกัดเรื่องนั้นๆ เหมือนกัน ซึ่งส่วนนี้เป็นการพูดทั้งในบทบาทของผู้บริโภคและผู้ประกอบการด้วย

“ภาพตอนนี้ประเทศไทยเหมือนเป็นลูกโป่งพองลมที่รอวันแตก โดยเฉพาะในแง่ต้นทุน เพราะหากประเมินประเทศเพื่อนบ้านรอบไทย มีประเทศไหนบ้างที่ค่าแรงสูงเหมือนไทยบ้าง ก็ไม่มี ทำให้เกิดการฉวยโอกาสเข้ามาตักตวงผลประโยชน์จากในบ้านเรา เพราะคนไทยที่เป็นแรงงานความจริงมีส่วนใหญ่กลับภูมิลำเนากันมากขึ้นแล้ว ทำให้รัฐบาลต้องหาภูเขาน้ำแข็งให้เจอ แต่ความจริงก็มองว่าต้องรู้อยู่แล้ว แต่พอเข้าช่วงหาเสียงก็จะทำนโยบายแบบการตลาดออกมา ซึ่งไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ประชาชนใกล้สิ้นลมหายใจกันหมดแล้ว” นางสาวประภัสสรกล่าว

 

นางสาวประภัสสรกล่าวว่า บรรยากาศหลังการเลือกตั้งใหม่แล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างการจัดตั้งรัฐบาลนั้น ภาพยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก เพราะไม่ได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรออกมาเพิ่มเติม จึงไม่ได้ช่วยดึงดูดให้เกิดการใช้จ่ายหรือใช้บริการต่างๆ เพิ่มมากนัก อย่างธุรกิจร้านอาหารก็ไม่ได้ดีขึ้นเทียบกับช่วงก่อนเลือกตั้ง โดยฝั่งผู้ประกอบการก็คาดหวังว่าการเปลี่ยนแปลงจะมีอะไรที่ดีขึ้น ไม่แย่กว่าเดิม ซึ่งสิ่งที่อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาเป็นเรื่องต้นทุนในการทำธุรกิจ เพราะเป็นเรื่องระยะยาวที่ต้องเผชิญต่อเนื่อง อยากให้แก้ไขแบบตรงจุด เป็นการรักษาที่ถูกทาง ไม่ใช่เป็นการอัดยาแรงแบบสเตียรอยด์ เพื่อรักษาให้ดีขึ้นแบบทันใจในช่วงแรก แต่ระยะยาวก็มีผลข้างเคียงถึงแก่ชีวิตอยู่ดี