กพท.เปิด 5 รูทบินขวัญใจคนไทย ‘ญี่ปุ่น’ ยังแชมป์ ครองสัดส่วน 81%
กพท.โชว์สถิติไตรมาส 1 ไฮซีซันดันผู้โดยสารและเที่ยวบินโตต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวต่างชาติแห่เข้าไทยพุ่งสะสม 4 ล้านคน ขณะที่คนไทยปักหมุดเที่ยว 5 รูทบินต่างประเทศ “ญี่ปุ่น” ยังครองแชมป์ 81%
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดสถิติภาพรวมการขนส่งทางอากาศในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2566 โดยพบว่ามีจำนวนผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 30.63 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3.57 ล้านคน หรือคิดเป็น 11.68% จากไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารภายในประเทศจำนวน 459,302 คน หรือ 2.80% และการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารระหว่างประเทศจำนวน 3.11ล้านคน หรือ 21.92%
โดยปัจจัยบวกสำคัญที่ทำให้ผู้โดยสารเดินทางเพิ่มขึ้น เชื่อว่าเกิดจากการเข้าสู่ช่วงฤดูการท่องเที่ยว (ไฮซีซัน) ที่มีวันหยุดยาว อีกทั้งยังเกิดจากผลบวกที่หลายประเทศทยอยปลดล็อกมาตรการตรวจโควิด-19 และเปิดประเทศให้มีการเดินทางปกติ โดยเฉพาะประเทศที่มีศักยภาพสูงอย่างประเทศจีนดำเนินนโยบายเปิดประเทศ จึงทำให้มีการเดินทางทางอากาศเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ยังพบว่าในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลเข้าประเทศสะสมกว่า 4 ล้านคน โ
นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทย 10 อันดับแรก ได้แก่
- มาเลเซีย จำนวน 594,112 คน
- รัสเซีย จำนวน 413,525 คน
- เกาหลีใต้ จำนวน 326,902 คน
- จีน จำนวน 247,497 คน
- อินเดีย จำนวน 203,124 คน
- สหรัฐอเมริกา จำนวน 164,416 คน
- เยอรมัน จำนวน 153,329 คน
- สหราชอาณาจักร จำนวน 151,590 คน
- ลาว จำนวน 141,395 คน
- เวียดนาม จำนวน 140,919 คน
ขณะที่ข้อมูลจาก บริษัท วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ได้รายงานแนวโน้มการจองเที่ยวบินจากประเทศไทยไปยังต่างประเทศจำนวน 5 อันดับแรก ได้แก่
- ญี่ปุ่น 81%
- เกาหลี 52%
- นิวซีแลนด์ 43%
- สิงคโปร์ 41%
- สหราชอาณาจักร 35%
โดยการจองเที่ยวบินจากประเทศไทยไปยังญี่ปุ่นที่ครองสัดส่วนสูงถึง 81% มีปัจจัยสนับสนุนจากการที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้มีการผ่อนปรนมาตรการการเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. 2566 เป็นต้นมา จึงทำให้มีการเดินทางเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น
ส่วนแนวโน้มผู้โดยสารที่เดินทางออกจากประเทศไทยในไตรมาส 2 พบว่า ประเทศต้นทาง 10 อันดับแรกที่มีที่นั่งขายมากที่สุด ได้แก่
- เยอรมัน 18.47%
- เกาหลีใต้ 14.32%
- สหราชอาณาจักร 13.36%
- ญี่ปุ่น 11.79%
- ฮ่องกง 8.45%
- ออสเตรเลีย 8.27%
- สหรัฐอเมริกา 8.04%
- ฝรั่งเศส 6.14%
- ไต้หวัน 5.61%
- สวิตเซอร์แลนด์ 5.55%