'ชาติพัฒนากล้า' ดันสร้างรายได้ประเทศ 5 ล้านล้าน ย้ำข้อดีเลิกแบล็กลิสต์บูโร

'ชาติพัฒนากล้า' ดันสร้างรายได้ประเทศ 5 ล้านล้าน ย้ำข้อดีเลิกแบล็กลิสต์บูโร

ชาติพัฒนากล้าย้ำข้อดียกเลิกแบล็กลิสต์บูโร ช่วยคนตัวเล็ก 6 ล้านคน เดินหน้าสร้างรายได้เข้าประเทศ 5 ล้านล้าน หนุนเศรษฐกิจหลายรูปแบบ "วรวุฒิ" ชี้ถึงเวลาทำคาสิโนคอมเพล็กซ์มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย รัฐคุมง่ายกว่าปล่อยให้ทำใต้ดิน หนุนทำยุทธศาสตร์จังหวัด

วันนี้ (30 มี.ค.) ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าฯ ร่วมเวทีตอบคำถามจากภาคธุรกิจ นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ร่วมเวทีตอบคำถามจากภาคธุรกิจ พร้อมนำเสนอนโยบาย ในงานเสวนา “มุมมองของภาคธุรกิจต่อนโยบายขับเคลื่อนประเทศ” ซึ่งจัดขึ้นโดยหอการค้าไทย โดยมีตัวแทนภาคธุรกิจ เอกชน ทั่วประเทศ และตัวแทนพรรคการเมืองเข้าร่วม

นายวรวุฒิได้ผลักดันเรื่องของการ "ยกเลิกแบล็กลิสต์บูโร" เพื่อแก้ปัญหาให้กับเอสเอ็มอีและคนตัวเล็กที่มีปัญหานี้กว่า 6 ล้านราย ซึ่งได้เสนอให้เปลี่ยนมาใช้ระบบเครดิตสกอร์ริ่งแทน ซึ่งคล้ายๆกับระบบของฟินเทค ที่มีความแม่นยำและจะทำให้เกิดการแข่งขันของแต่ละธนาคารในการให้เครดิต

โดยเปลี่ยนจากปัจจุบันซึ่งดอกเบี้ยนั้นเป็นการให้เหมารวมคิดทั้งระบบซึ่งจริงๆแล้วต้องแยกคนที่มีเครดิตดีกับเครดิตไม่ดี ถ้าเครดิตไม่ดีก็จะเสียดอกเบี้ยสูงถ้าเครดิตดีก็จะให้ดอกเบี้ยที่ถูกลง แต่ดอกเบี้ยที่สูงไม่เกินเพดานที่ 36% ต่อปี

นอกจากนี้แนวคิดนโยบายของพรรคเรามองว่าหลังวิกฤติโควิด-19 หลังวิกฤติภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาสงครามรัสเซียยูเครน มีความท้าทายอย่างมากต่อเศรษฐกิจ พรรคให้ความสำคัญอันดับแรกคือเรื่องของการหารายได้เข้าประเทศ โดยตั้งเป้าสร้างรายได้ 5 แสนล้านบาทใน 4 ปี

โดยตัวอย่างของการหารายได้เช่น เศรษฐกิจสายมู เศรษฐกิจสายเทคโนโลยี การเพิ่มรายได้จากเศรษฐกิจใหม่ๆเช่น คาสิโนคอมเพล็กซ์ ที่ต้องมีได้แล้วเพื่อสร้างรายได้เข้ารัฐ และรัฐสามารถที่จะควบคุมได้ง่ายด้วยซึ่งต่างจากปัจจุบันที่มีการลักลอบเปิดและสร้างปัญหามาก

นอกจากนี้พรรคให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจของคนตัวเล็กที่เติบโตยาก โอกาสที่จะขึ้นมาเป็นผู้ประกอบการทำได้ยากมาก และประชาชนที่เจอต้นทุนพลังงานที่สูง ทั้งในเรื่องของราคาน้ำมัน ราคาค่าน้ำ ค่าไฟถ้าต้นทุนเหล่านี้ถูกลง ต้นทุนทุกอย่างของประชาชนและภาคธุรกิจก็จะถูกลงตามไปด้วย เช่นเดียวกับการออกนโยบายว่ารายได้ต่ำกว่า 4 แสนบาทต่อปีไม่ต้องเสียภาษีก็ช่วยเพิ่มเงินในกระเป๋าประชาชนได้ 7,500 บาทต่อปี

 

นอกจากนี้ในเรื่องของ การบริหารราชการแผ่นดินของไทยยังเป็นการรวมเข้ามาสู่ส่วนกลาง ควรจะผลักดันให้มีการกระจายความเจริญสู่ต่างจังหวัด

รวมทั้งการกระจายอำนาจเช่นการเลือกตั้งผู้ว่าของแต่ละจังหวัดให้จังหวัดที่มีความแข็งแรงทางเศรษฐกิจให้เริ่มต้นนำร่อง ให้มีการแก้ปัญหาต่างๆในจังหวัดเพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ ควบคู่กับการผลักดันยุทธศาสตร์จังหวัด 20 ปีซึ่งดีกว่ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

เพื่อให้แต่ละจังหวัดหาว่ามีความสามารถในการแข่งขันอะไร มีจุดดี จุดอ่อนอย่างไรเพื่อให้ความเจริญกระจายไปสู่ภูมิภาคน่าจะลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ ที่ทำให้ความเจริญกระจุกตัวอยู่ในไม่กี่จังหวัด